“นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เปิดเผยว่า วิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ในขณะนี้ (Global Boiling) รวมถึงโรคอุบัติใหม่ และเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ตลอดจนความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจทั่วโลก กำลังเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อระบบการผลิตอาหารในปัจจุบัน และความมั่นคงทางด้านอาหารในอนาคต เบทาโกร ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจอาหารและเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรชั้นนำระดับสากล เพื่อการบริโภคในประเทศ และส่งออกไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก จึงให้ความสำคัญการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน
“ตลอดระยะเวลา 57 ปีของการดำเนินธุรกิจ เบทาโกรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนมาโดยตลอด โดยถูกสะท้อนผ่านจุดประสงค์ขององค์กรที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน และมีแนวทางและเป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจน ผ่านการทำงานภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อการผลิตอาหารที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยสูงสุด และเพียงพอต่อความต้องการบริโภค ที่สำคัญมาจากการผลิตที่ยั่งยืน ไม่ส่งผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และจากความร่วมมือของทุกคนในองค์กรเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืน ส่งผลให้เบทาโกรได้รับการยอมรับผ่านรางวัล และการประเมินต่าง ๆ มากมาย”
และเพื่อให้แนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเบทาโกรบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ ในปีนี้เบทาโกรจึงได้มีการจัดงาน “BETAGRO SD DAY 2024” ขึ้นเป็นปีที่ 2 ภายใต้แนวคิด “Sustainable Food Through Better Actions” เพื่อรวมพลังคนในองค์กรสร้างการเปลี่ยนแปลง และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันขับเคลื่อนยุทธ์ศาสตร์ความยั่งยืนขององค์กร ที่สำคัญ ยังได้มีการเปิดตัว “เบทาโกร ใส่ใจ” หรือ “BETAGRO Saijai” สัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงตัวตนเบทาโกรที่มุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนทางด้านอาหารเพื่อชีวิตที่ยั่งยืน และไม่ใช่แค่การผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภค เป็นอาหารที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยสูงสุด สามารถเข้าถึงผู้คนได้ทุกกลุ่มแล้ว ยังเป็นการผลิตอาหารที่ลดผลกระทบต่อโลก และสร้างความสมดุล ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยจะนำเสนอผ่านกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ มากมาย
ขณะที่ “นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์” ประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานพัฒนาประสิทธิภาพ การผลิต และซัพพลายเชน เบทาโกร กล่าวเสริมว่า สำหรับปีที่ผ่านมาเบทาโกรได้ดำเนินงานตามแนวทางด้านความยั่งยืนขององค์กร ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบด้วย
1) คุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Quality and Safety) เบทาโกร ให้ความสำคัญและใส่ใจทุกกระบวนการผลิตเพื่อส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยขั้นสูงสุด ภายใต้การวิจัย และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมสร้างเครือข่ายร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา จนเกิดเป็นเครือข่ายคุณภาพความปลอดภัยด้านอาหารที่ยั่งยืน โดยปัจจุบัน ณ เดือนสิงหาคม เบทาโกรสามารถลดการใช้ยาปฏิชีวนะต้านจุลชีพสำหรับสัตว์ลงได้ 15% จากเป้าหมายลดลง 50% (เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564) ภายในปี 2570 นอกจากนี้ยังมีการติดตามและประเมินเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร (มกษ.) 9062 – 2565 โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าการดำเนินการ 65% จากเป้าหมาย 100% ภายในปี 2570
2) การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Management) เบทาโกรให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม และทั่วโลก จึงมุ่งนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ ลดการใช้พลังงาน และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ลงได้ 8.4% จากเป้าหมายลดลงมากกว่า 20% (เมื่อเทียบกับปีฐาน 2565) ภายในปี 2573 และตอกย้ำในความมุ่งมั่นสู่ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593
3) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Packaging) เบทาโกรมุ่งมั่นในการปรับปรุงและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly Packaging) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ รวมถึงลดการใช้ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด โดยปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ของเบทาโกรมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มากกว่า 97.5% จากเป้าหมาย 100% ในปี 2573 และสามารถลดการใช้ทรัพยากรบรรจุภัณฑ์ลงได้กว่า 1,160 ตัน
4) อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Occupational Health and Safety) เพราะพนักงานเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า เบทาโกรจึงดูแลพนักงานให้มีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดี ภายใต้สถานที่ทำงานและกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย พร้อมมุ่งสู่อุบัติการณ์เป็นศูนย์ (Zero Incident) ด้วยการดำเนินการตามระบบจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของเบทาโกร ที่ประยุกต์แนวทางจากการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (PSM) ซึ่งจากปี 2552 จนถึงปัจจุบัน อัตราการเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานของพนักงาน ลดลงได้ 67% และมุ่งมั่นสู่ Zero Incident ในปี 2569 ต่อไป
และ 5) การพัฒนาชุมชน (Community Development) เพราะเบทาโกรเชื่อว่าการที่ธุรกิจจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น ชุมชนและสังคมต้องเติบโตไปพร้อมกัน บริษัทฯ จึงมุ่งพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่องแบบองค์รวม ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม สังคม และการศึกษา เพื่อสนับสนุนชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยปัจจุบันสามารถส่งเสริมความเป็นอยู่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับชุมชนรอบสถานประกอบการ ด้วยโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวมให้กับชุมชน 14,468 ครัวเรือน จากเป้าหมาย 15,000 ครัวเรือนภายใน ปี 2567 และจะเพิ่มจำนวนครัวเรือนที่ได้รับการพัฒนาจากโครงการและกิจกรรมเป็น 20,000 ครัวเรือน ในปี 2568
นอกจากนี้ภายในงาน “BETAGRO SD DAY 2024” ยังมี “ท็อป – “พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนาก” มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลในการมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนให้ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่เริ่มต้นได้ด้วยตัวเรา ทั้งยังมี “BETAGRO Saijai Market” ตลาดนัดสินค้ายั่งยืนที่สนับสนุนให้ทุกคนร่วมรักษ์โลกโดยเริ่มที่ตัวเองอีกด้วย
เบทาโกร จะเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการ “สร้างความยั่งยืนทางด้านอาหาร” เพื่อช่วยเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคนด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน อันเป็นจุดประสงค์ในการดำเนินธุรกิจ และสร้างความสมดุล ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน