นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปี 2565 และปี 2566 ดูจะไม่สอดคล้องกับความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มีโอกาสสูงในการเผชิญภาวะถดถอยในระยะข้างหน้า
ดังนั้น ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ-ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้น แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย ภายหลังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 จะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า ทิศทางกำไรสุทธิของตลาดโดยรวม (SET EPS) จะถูกปรับลงหรือไม่ โดย SET EPS ที่ถูกปรับลงทุก ๆ 1% จะคิดเป็นโอกาสปรับลดลง (Downside) ของ SET Index ราว 15 – 16 จุด
นายอภิชาติ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/2565 ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของบล.ทิสโก้ทั้ง 7 แห่งมีกำไรสุทธิรวม 4.94 หมื่นล้านบาท ค่อนข้างทรงตัวทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อน และ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งดีกว่าที่ บล.ทิสโก้และตลาดคาดไว้เล็กน้อยประมาณ 2% โดยธนาคารที่มีกำไรดีกว่าคาด คือ KTB, TTB, BAY และ KKP หลัก ๆ จากอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อที่ดีขึ้น และต้นทุนเครดิตที่ลดลง รวมทั้งมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดี
ขณะที่ KBANK, BBL และ SCB มีกำไรน้อยกว่าคาด จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่อ่อนแอ มีผลขาดทุนจากการตีมูลค่าเงินลงทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ BBL ยังคงต้นทุนเครดิตในระดับที่เข้มงวดแม้คุณภาพสินทรัพย์ยังคงดีอยู่ก็ตาม อย่างไรก็ดี หลังการประกาศผลประกอบการหุ้นกลุ่มแบงก์มีความชัดเจนโดยไม่ได้มีผลขาดทุนจากการตีมูลค่าเงินลงทุนสูงอย่างที่เป็นกังวลก่อนหน้านี้ เราเริ่มเห็นแรงซื้อคืนหุ้นกลุ่มแบงก์จากนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับผลประกอบการของหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มแบงก์ (Non-bank Companies) จากการรวบรวมประมาณการกำไรของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) สำหรับคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/2565 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้นจำนวน 147 บริษัท (คิดเป็น 76% ของมูลค่าตลาดรวมของหุ้นสามัญนอกกลุ่มแบงก์) คาดจะมีกำไรสุทธิรวม 1.88 แสนล้านบาท เติบโตดี +17% YoY และ +15%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้แนะนำหาจังหวะการเข้าลงทุนในช่วงตลาดอ่อนตัว เน้นหุ้นที่คาดงบไตรมาส 2/2565 จะออกมาดี และมีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกโดดเด่น หุ้นเด่นในเดือนสิงหาคม คือ BANPU, CK, COM7, EGCO, KKP, RCL และ SMPC ด้านแนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,520 – 1,540 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,600 – 1,610 จุด