นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ สำหรับงวดไตรมาส 2 ปี 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,084 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป. ลาวที่กลับมาดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 และโครงการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือที่กลุ่มบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 ช่วยปิดผลกระทบจากการสิ้นสุดการได้รับค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (adder) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,243 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 518 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากบันทึกกำไรจากการจำหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 2
ขณะที่ผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,684 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 136 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบันทึกรายการกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด
“สำหรับไตรมาส 2 ปี 2567 การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งเรื่องของรายได้ส่วนเพิ่มที่มาชดเชย adder ที่หมดลง รวมถึง บริษัทฯ สามารถปิดดีลจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 117 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อนำเงินสดที่ได้ไปลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ได้ผลตอบแทนสูงต่อไป ” นายนิวัติกล่าวเพิ่มเติม
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 1,959 เมกะวัตต์ โดยเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว 1,183 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนา 776 เมกะวัตต์