มร. โรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC รายงานว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 2/2567 เปรียบเทียบกับ 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ผ่านมา ค่าการกลั่นที่ต่ำลงซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่อ่อนตัวลงส่งผลกระทบทางลบต่อกำไรจากการดำเนินการ (EBITDA) และกำไรสุทธิ
ผลประกอบการทางการเงินของ SPRC ในไตรมาสที่ 2/2567 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีเดียวกัน โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันผลิตภัณฑ์หลักและน้ำมันดิบดูไบ รวมถึงปริมาณการขายที่ลดลง อันเป็นผลมาจากอัตราการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 158,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 90 ของกำลังการกลั่น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ใช้โอกาสในช่วงที่ค่าการกลั่นลดลงดำเนินการบำรุงรักษาหน่วยผลิต หน่วยแตกโมเลกุลด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (RFCCU) เพื่อเพิ่มความเชื่อถือได้ของกระบวนการกลั่น และค่าการกลั่นตลาดในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 2.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจาก 8.31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสแรก
ถึงแม้ว่าทางบริษัทฯ จะต้องเผชิญกับสภาวะตลาดที่ท้าทายจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงอุปสงค์ที่ลดลง แต่ SPRC ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนและสร้างเสริมประสิทธิผลในการดำเนินการ บริษัทฯ ได้ลงทุนกว่า 90 ล้านบาทในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ อาทิ การปรับปรุงการสูญเสียพลังงานของกังหันก๊าซ การตรวจวัดมลพิษอย่างต่อเนื่อง การตรวจวัดคุณภาพอากาศตามแนวขอบพื้นที่ และความร่วมมือในการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปในสถานีบริการน้ำมัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาและรับผิดชอบต่อสังคม โดยสานต่อโครงการเพื่อสังคมซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชุมชนรอบโรงกลั่น 38 แห่ง และกลุ่มประมงพื้นบ้านที่ขึ้นทะเบียนอีก 55 กลุ่ม รวมถึงการยึดมั่นใน 3 ปัจจัยหลักเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environment – สิ่งแวดล้อม Social – สังคม Governance – ธรรมาภิบาล) ซึ่งได้รับการจัดมาตรฐานในระดับ 5 ดาว จาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
ในอนาคตข้างหน้า SPRC มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนแผนการเติบโตธุรกิจและสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว บริษัทฯ ยังคงมีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงพัฒนาโรงกลั่น การศึกษาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงการขยายโอกาสการเข้าถึงในตลาด ด้วยแนวทาง “One Team, Right Talent” และเทคโนโลยีล้ำหน้า SPRC ตั้งเป้าในการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงควบคู่ไปกับการบริหารการดำเนินการอย่างเหมาะสม
ในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทฯ เป็นจำนวนเงิน 0.25 บาทต่อหุ้น โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล คือ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2567 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2567
“เรายังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการเพื่อผลประกอบการเข้มแข็งควบคู่ไปกับการร่วมเสริมสร้างและรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนี้ เราจะพัฒนาปรับเปลี่ยนให้เท่าทันพลวัตของตลาด ตลอดจนเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง” นายโดบริค กล่าวสรุป