นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยถึงผลประกอบการ บมจ. ดิทโต้ ในไตรมาส 2/2565 ของบริษัท DITTO และบริษัทย่อย ว่ามีรายได้จากการขายและบริการ 339.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 63.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.63 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 64% จากปีก่อน หากรวมผลประกอบการในรอบ 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 121.63 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ปัจจัยที่ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยยังสามารถรักษาระดับการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการวางรากฐานในธุรกิจระบบบริหารจัดการเอกสาร (DMS) อีกทั้งในไตรมาส 2/2565 บริษัทเริ่มมีรายได้จากการพัฒนาและจำหน่ายระบบสำนักงานอัจฉริยะ เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการเพื่อให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานและการบริการภาครัฐไปสู่ระบบดิจิทัลอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายงานไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ซึ่งเป็นการป้องกันความปลอดภัยให้แก่ข้อมูลขององค์กร โดยโครงการดังกล่าวมีระยะเวลา 5 ปี
“ที่สำคัญ รายได้จากงานรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ โดยมีบริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยรับผิดชอบ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 143% จากงานโครงการใหม่ที่มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 950 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการท้องฟ้าจำลอง โครงการพิพิธภัณฑ์ และโครงการโทรมาตร เป็นต้น” นายฐกร กล่าว
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/2565 บริษัทมีการขยายส่วนงานขายระบบบริหารจัดการเอกสารที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโดยบริษัท เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
นายฐกร กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรก รายได้หลัก ๆ มาจาก Backlog ที่ตุนไว้เป็นหลัก แต่ในครึ่งปีหลังจะมีรายได้จากงานที่แพลนไว้ โดยจะมีงานประมูลโครงการภาครัฐประมาณ 5 พันล้านบาท และโครงการขนาดใหญ่ของรัฐอีกหลายโครงการที่ DITTO เตรียมเข้าร่วมประมูล ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในกลุ่ม Hard Tech
ขณะเดียวกัน เมื่อปลายเดือนกรฏาคมที่ผ่านมา รัฐสภาได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นโอกาสของธุรกิจบริหารจัดการเอกสารแบบครบวงจร ในกลุ่ม Soft Tech ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลัก เมื่อ พ.ร.บ. ดังกล่าวประกาศใช้ จะทำให้กลุ่มนี้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดว่ามูลค่าตลาดหน่วยงานราชการกว่าหมื่นล้านบาท โดยจะทยอยเข้ามา รวมทั้ง DITTO ได้เริ่มนำผลิตภัณฑ์สำนักงานอัจฉริยะซึ่งเป็นโซลูชันใหม่ออกสู่ตลาด ขณะนี้มีหลายหน่วยงานให้ความสนใจ
ส่วนในกลุ่ม Green Tech ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่มีความคืบหน้าไปมากเช่นกัน โดยเฉพาะโครงการระบบควบคุมระบบคัดแยกขยะ และสร้างระบบการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel หรือ RDF) และปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่ง DITTO ใช้เทคโนโลยีทั้ง Hard Tech และ Soft Tech เข้ามาช่วยในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและจะโยงไปในเรื่องของ Carbon Credit ซึ่งเป็นธุรกิจเป้าหมายในอนาคตและตอนนี้เริ่มมีโครงการทยอยเข้ามาให้บริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง
“ปลายเดือนนี้ DITTO ได้รับเกียรติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเข้าร่วมงาน Thailand Focus 2022 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง DITTO เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทจากตลาด mai ที่ได้รับเชิญ โดยตนจะนำแผนงานธุรกิจของบริษัท ทั้งด้าน Hard Tech, Soft Tech และ Green Tech ไปนำเสนอให้นักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ เพื่อทำความรู้จัก DITTO ว่ามีความพิเศษแตกต่างไปอย่างไร จะได้รู้จักเรามากขึ้นกว่าเดิม” นายฐกร กล่าว