KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) เห็นโอกาสในการลงทุนจากธุรกิจท่องเที่ยวไทย ที่สามารถพลิกฟื้นกลับมาขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการ และการบริโภคที่เปลี่ยนไปของนักท่องเที่ยว ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นตัวสูงกว่าระดับก่อนการระบาดของโควิด 19 ได้ภายในปีหน้า โดยประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงถึงเสถียรภาพและความแข็งแกร่งของตลาด การท่องเที่ยวไทยในระยะยาว ล่าสุดร่วมกับ KAsset และ CG Capital บริษัทบริหารกองทุนภายใต้ Central Group เพื่อลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวเพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวของไทย มุ่งเน้นในเมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย ผ่านการลงทุนในกองทุนเปิดเค Thailand Real Estate 24 A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (K-THRE 24 A UI) โดยมีกำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้จนถึง 25 พฤศจิกายนนี้ โดยเริ่มต้นลงทุน 500,000 บาท
ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director, Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้คำแนะนำและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมองเห็นโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด (Private Asset) และยังช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนให้พอร์ตการลงทุน ควบคู่กับการลงทุนของพอร์ตการลงทุนแบบดั้งเดิม โดยพบว่าสินทรัพย์อย่างอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate) มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่า ทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของโรงแรมและที่พักอาศัยเพราะหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด อุปทานที่มีในตลาดปัจจุบันไม่สอดคล้องกับความต้องการใหม่ ที่ต่างไปจากเดิม ทำให้เกิดช่องว่างซึ่งเป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไป เช่น พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มท่องเที่ยวเป็นครอบครัวมากขึ้น การเน้นท่องเที่ยวแบบสร้างประสบการณ์ (Experiential Travel) และระยะเวลาในการเข้าพักที่นานขึ้น เกิดจากการผสมผสานการพักผ่อน และการทำงานเข้าด้วยกัน (Workation) นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่กำลังกลับเข้ามาสู่ประเทศไทย ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านการท่องเที่ยว ทำให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในประเทศไทยมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น
นายภูมิ จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้ง และกรรมการบริหาร บริษัท CG Capital กล่าวว่า บริษัทได้จัดตั้งกองทุนแรกขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ลงทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นหลัก ซึ่งจะมีทั้งการลงทุนในโรงแรม คอนโดมิเนียม สวนสนุก สวนน้ำ และ Mixed-use ที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นในเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ โดยคาดว่าจะลงทุนปีละ 3-5 โครงการ โดยเหตุผลที่เราจัดตั้งกองทุนแรกนี้ขึ้นมา เพราะมีความเชื่อมั่นว่าภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยยังมีอนาคตที่ดี และเชื่อว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า นักท่องเที่ยวจะเติบโตต่อเนื่องทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ รวมถึงกลุ่ม Expat และ Digital Nomad ที่มองประเทศไทยเป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ของโลก และสิ่งที่ทีมให้ความสำคัญในทุก การลงทุน คือการออกแบบ และพัฒนาโครงการ เพื่อให้แต่ละโครงการสามารถ Exit ในจังหวะที่เหมาะสม และรองรับ Global Demand ณ ตอนนี้ถือว่ามี Supply ในตลาดค่อนข้างจำกัด
ดร.ตรีพล กล่าวปิดท้ายว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดในไทยในช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีที่เข้าลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโรงแรม ที่พักอาศัย และโครงการอื่น ๆ ที่มีส่วนได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและคนไทยที่ต้องการมองหาบ้านพักอากาศหลังที่สอง และภาคการท่องเที่ยว ที่กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังการระบาดของโควิด 19 ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้จัดการกองทุนหลักได้มีการจัดหาเจรจาต่อรองราคาและเงื่อนไขการลงทุนในโครงการต่างๆ ไว้แล้ว นอกจากนี้ ยังมีความได้เปรียบจากเครือข่ายและการสนับสนุนจาก Central Group และพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนมาอย่างยาวนาน ทำให้ KBank Private Banking เชื่อว่าการลงทุนในกองทุนเปิดเค Thailand Real Estate 24 A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย เป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับลูกค้า KBank Private Banking อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จะช่วยกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนจากสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างหุ้นและตราสารหนี้ และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนได้