นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ ‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 (มกราคม-ธันวาคม) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงและเป็นตามเป้าหมาย โดยมีพอร์ตสินเชื่อโดยรวมอยู่ที่ 14,268 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,124 ล้านบาท เติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 839 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยชั้นนำของประเทศ
ทั้งนี้ปัจจัยการเติบโตมาจากการขยายสาขาในช่วง 2ปี (2565-2566) โดยปี 2565 มีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นจำนวน 209 สาขา และปี 2566 เพิ่มอีก 100 สาขา ส่งผลให้มีจำนวนฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อที่ดิน สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกันเติบโตโดดเด่น และจากการขยายผลิตภัณฑ์สินเชื่อโซลาร์รูฟท็อป ด้วยการจัดตั้งบริษัท ศักดิ์สยาม โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยถือหุ้น 100% ช่วยสนับสนุนขยายลูกค้าครัวเรือนในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงมุ่งการบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม ทำให้ควบคุมหนี้ NPLs ให้อยู่ในระดับ 2.5 อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2566 ที่จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 377 ล้านบาท โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เมษายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 นี้
สำหรับปี 2568 วางแผนปักธงการเป็นผู้นำสินเชื่อเพื่อสังคม สร้างรากฐาน สร้างงาน สร้างคน บริการดี
มีมาตรฐาน มอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยมุ่งให้สินเชื่อคัดกรองคุณภาพลูกหนี้ เน้นปล่อยสินเชื่ออย่างมีคุณภาพที่มีความเป็นธรรมและรัดกุม โดยจะรุกขยายสินเชื่อโซลาร์รูฟ ท็อปในช่วงหน้าร้อนปีนี้ วางแผนจะขยายสาขาภายในไตรมาส 1/2568 เพิ่มอีก 50 สาขา หรือเปิดให้บริการครบ 1,079 สาขา จากปี 2567 ที่มีทั้งหมด 1,029 สาขา ใน 47 จังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เพื่อขับเคลื่อนประชาชนฐานรากเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยภาพรวมธุรกิจสินเชื่อรายย่อยปี 2568 คาดการณ์มีอัตราการเติบโต เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ขยายตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยขาลง ส่งผลให้ดีมานด์ของสินเชื่อยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะดีมานด์สินเชื่อทะเบียนรถเพื่อการเกษตรที่จะเติบโต ด้วยการวางแผนและกลยุทธ์อย่างแข็งแกร่ง วางเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15% ทะยานแตะ 16,600 ล้านบาท
