SJWD โชว์ฟอร์ม Q2/68 ยกระดับกำไรสุทธิสร้างฐานใหม่

Date:

ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 เติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวม 6,437.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 282.5 ล้านบาท แม้ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจำนวน 339.4 ล้านบาทที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเข้าลงทุนในบริษัท Swift Haulage Berhad หรือ SWIFT ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 61.1%

ทั้งนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ถือเป็นการสร้างฐานกำไรใหม่ที่สูงกว่าเดิม สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากการการเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) และลดต้นทุนทางการเงินภายหลังรวมกิจการแล้วเสร็จ รวมถึงการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์มีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทฯ และปรับเพิ่มราคาเหมาะสมของหุ้น SJWD

ขณะที่รายได้จากธุรกิจส่วนใหญ่เติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อาทิ ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป รายได้ 335.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.0% เนื่องจากขยายพื้นที่เพิ่มและสามารถหาผู้เช่าได้อย่างรวดเร็ว, ธุรกิจขนส่งหลากหลายรูปแบบ รายได้ 251.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น, ธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดน รายได้ 174.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.6% จากการปรับโหมดและเส้นทางขนส่งเพื่อนำเสนอโซลูชันแก่ลูกค้าและการขยายฐานลูกค้ารายใหม่, ธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า มีรายได้ 37.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.9% จากการทำการตลาดเชิงรุก, ธุรกิจต่างประเทศ มีรายได้ 1,040.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% จากการเติบโตขึ้นของรายได้จากประเทศอินโดนีเซีย ประกอบกับการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (เวียดนาม) จำกัด ฯลฯ ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์มั่นใจว่าจะทำรายได้ทั้งปีตามเป้าหมาย แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากได้รับงานเพิ่มขึ้นจากลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้นและสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ ทำรายได้รวม 12,877.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ไม่มีการรับรู้รายได้จากธุรกิจ Food Services ในประเทศไต้หวันที่จำหน่ายเงินลงทุนไปแล้ว ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 648.0 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรพิเศษในช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลงทุนใน SWIFT) กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 90.9% โดยธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นในช่วง 6 เดือนแรก อาทิ ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป รายได้ 643.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8%, ธุรกิจขนส่งหลากหลายรูปแบบ มีรายได้ 489.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.0%, ธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดน รายได้ 346.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% ฯลฯ

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีความพร้อมในการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ พร้อมดำเนินกลยุทธ์การลงทุนอย่างระมัดระวัง การควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร การจ่ายชำระคืนหนี้สินและลดต้นทุนทางการเงินจากกระแสเงินสดจากดำเนินการที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมถึงได้ทยอยซื้อหุ้นเกือบครบตามจำนวนตั้งเป้าหมายไว้ในโครงการ ซึ่งจะเพิ่มอัตรากำไรต่อหุ้น ล่าสุดคณะกรรมการ (บอร์ด) จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 177.7 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 12 กันยายนนี้ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน SJWD กล่าวอีกว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ครึ่งปีหลัง น่าจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการปรับขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยอยู่ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกับประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกันอาจเกิดการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจ ส่วนการบริการขนส่งสินค้าข้ามแดนยังคงดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมองวิกฤตเป็นโอกาสในการนำเสนอโซลูชันเพื่อเป็นทางเลือกแก่ลูกค้า โดยมั่นใจว่าด้วยความเชี่ยวชาญ การบริการที่หลากหลาย และฐานลูกค้าที่กระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม จะทำให้บริษัทผลักดันรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจครี่งปีหลัง ยังคงพิจารณาโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจเดิม การร่วมทุน เข้าถือหุ้น หรือซื้อกิจการด้วยความระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ล่าสุด บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี เอเชีย จำกัด ในเครือ SJWD, รุ่ยหยุน (เอชเค) อินเตอร์เนชั่นแนล ซัพพลายเชน (Ruiyun) และโกลเด้น ไลน์ เซอร์วิสเซส ได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “รุ่ยหยุน อินเตอร์เนชั่นแนล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย) โดยถือหุ้น 40% 49% และ 11% ตามลำดับ เพื่อร่วมมือกันให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิและสินค้าทั่วไปจากไทยและอาเซียนไปยังประเทศจีน เช่น ผลไม้, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงการลดต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนในการทยอยจ่ายชำระหนี้จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท ตลอดจนวางแผนขายทรัพย์สินแก่กองทรัสต์ในไตรมาส 3/2568 เพื่อเตรียมความพร้อมด้านฐานเงินทุน

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

สกาย กรุ๊ป (SKY) โชว์ผลงาน H1/68 กำไร 405 ล้านบาท

สกาย กรุ๊ป (SKY) โชว์ผลงานโตต่อเนื่อง H1/68 รายได้รวมทะลุ 5,020 ล้านบาท โกยกำไร 405 ล้านบาท พร้อมตุนแบ็กล็อก 23,463 ล้านบาท

“GWS CLOUD” จับมือ “ดีป้า” นำโซลูชันคลาวด์ระดับโลกติดปีก SMEs

บิ๊กเนมไต้หวัน “GWS CLOUD” จับมือ “ดีป้า” นำโซลูชันคลาวด์ระดับโลกติดปีก SMEs ชี้องค์กรไทยทุ่มเงิน 1.8 พันล้านดอลลาร์ ใช้คลาวด์ขับเคลื่อนความสำเร็จ

ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ส่งแคมเปญ “Pretty Ugly Bag”

ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ส่งแคมเปญ “Pretty Ugly Bag” กระเป๋าไม่สวยแต่ช่วยโลกได้อัปไซเคิลป้ายไวนิลเก่าสู่กระเป๋าช้อปปิ้ง

สำนักงานสลากฯ เตือนอย่าหลงเชื่อ เลขหลุด-เลขล็อก ทาง TikTok

สำนักงานสลากฯ เตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อ เลขหลุด-เลขล็อก ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok