ธ.ทิสโก้ เปิด 5 กลยุทธ์วางแผนเกษียณ 

Date:

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง และหลายหน่วยงานเริ่มมีแนวคิดเลิกจ้างงานก่อนพนักงานอายุ 60 ปีนั้น ธนาคารทิสโก้แนะนำคนไทยเพิ่มความเข้มข้นของการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยใช้ 5 กลยุทธ์ คือ

1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน

2. สร้างแหล่งรายได้

3. กระจายการลงทุน

4. ปรับพอร์ตการลงทุนตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ

5. ใช้ประกันสุขภาพเสริมความมั่นคง   

สำหรับรายละเอียดกลยุทธ์การวางแผนเกษียณ 5 กลยุทธ์ มีดังนี้  

กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน 

การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณมีความสำคัญมาก เพราะเป็น “เข็มทิศ” ที่ช่วยให้วางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่หลงทาง สิ่งที่ต้องเตรียมคือ อายุที่คาดว่าจะเกษียณ ต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ คาดว่าจะมีอายุขัยกี่ปีและนำอัตราผลตอบแทนการลงทุนในช่วงหลังเกษียณหลังหักเงินเฟ้อเข้ามาคำนวนเพื่อหาเป้าหมายเงินก้อนก่อนเกษียณ ขั้นตอนนี้สามารถใช้โปรแกรมวางแผนการเงินช่วยคำนวนได้ เช่น โปรแกรม TISCO My Goal คลิก https://link.tisco.co.th/cnI6zA

“หากเกษียณตอน 60 ปี มีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี ณ วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 6.5 ล้านบาท แต่หากต้องการเกษียณเร็วขึ้น 5 ปี ต้องเตรียมเงินเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30% ของจำนวนเงิน ณ วันเกษียณ เช่น เกษียณอายุตอน 55 ปี ต้องการมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 8 ล้านบาท หรือเกษียณอายุตอน 45 ปี ต้องการมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาทไปจนถึงอายุ 80 ปี วันเกษียณจะต้องมีเงินประมาณ 10.7 ล้านบาท เป็นต้น” นายณัฐกฤติ กล่าว    

สร้างหลายแหล่งรายได้ 

นอกจากเงินก้อนที่ต้องเตรียมไว้ก่อนเกษียณแล้ว พนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการ และคนไทยส่วนใหญ่มักจะมีแหล่งรายได้ที่เป็นกระแสเงินสดหลังเกษียณจากช่องทางต่างๆ เช่น เงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคม เงินบำนาญของข้าราชการ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้นเป็นหลักประกันความมั่นคงหลังเกษียณอาจพิจารณาทำประกันบำนาญเพิ่มความมั่นคง เป็นกองหลังที่ช่วยหนุนกระแสเงินสดที่แน่นอนในช่วงวัยเกษียณ 

กระจายการลงทุน (Diversification) 

ในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการกระจายพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณ โดยอาจเพิ่มการลงทุนหรือปรับพอร์ตการลงทุนโดยให้น้ำหนักสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ ส่วนการลงทุนในหุ้นที่เป็นการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นหลักเพราะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงประมาณ 8-10% ต่อปี โดยอาจลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และยังรวมถึงเงินลงทุนอื่นๆ ที่ใช้สำหรับการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว อีกทั้ง ยังสามารถแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ เพราะมีอัตราการเติบโตในระยะยาวที่ค่อนข้างดี เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยป้องกันความเสี่ยงในยามวิกฤตเศรษฐกิจ และเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาวอีกด้วย  

ปรับพอร์ตตามอายุและสภาวะเศรษฐกิจ 

แนวทางแบบง่าย คือ “120 ลบอายุ = สัดส่วนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงที่ควรลงทุน” เช่น อายุ 40 ปี ควรมีหุ้นประมาณ 80% ส่วนที่เหลือเป็นตราสารหนี้และเงินสด แต่เมื่อใกล้เกษียณควรลดหุ้นเหลือเพียง 30 – 40% เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด 

 ประกันสุขภาพ: กลไกเสริมสร้างความมั่นคง 

ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบเงินออมหลังเกษียณ การจัดสรรแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสม และกันเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกัน จะช่วยป้องกันความเสี่ยงและรักษาคุณภาพชีวิตหลังเกษียณ 

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

“อนุทิน” เปิดตัว “ศุภจี” ว่าที่รมว.พาณิชย์

“อนุทิน" เปิดตัว "ศุภจี" ว่าที่รมว.พาณิชย์ ขอ ปชช. เชื่อมั่นได้มืออาชีพมาช่วยงานรัฐบาล

ธอส. ออกเงินฝากออมทรัพย์และสลากออมทรัพย์ ฉลองครบ 72 ปี

ธอส. ฉลองครบ 6 รอบ 72 ปี รับผลตอบแทนสุดคุ้มกับเงินฝากออมทรัพย์และสลากออมทรัพย์ พร้อมรับหมอน TORRY รุ่น Limited Edition

ธนาคารเอชเอสบีซี ค้ำประกันสีเขียวมูลค่า 300 ล้านบาท 

ธนาคารเอชเอสบีซี จับมือ คอนสแตนท์ เอนเนอร์จี ลงนามในข้อตกลงการค้ำประกันสีเขียวมูลค่า 300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการขยายโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย

จิตอาสาสมหวังปลูก ป่าซับลังกา

จิตอาสาสมหวังปลูก ป่าซับลังกา สร้างจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติ คืนที่อยู่แก่สัตว์ป่า