ไทยออยล์ อนุมัติโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน

Date:

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 เพื่อพิจารณาโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Monetization) ซึ่งเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของบริษัท อาทิ ถังเก็บน้ำมันดิบ ทุ่นผูกเรือกลางทะเล (Single Buoy Mooring: SBM) สถานีจ่ายน้ำมันทางรถ และที่ดิน ณ อำเภอศรีราชา    จังหวัดชลบุรี 

โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างไทยออยล์และบริษัท แทงค์ อินฟรา จำกัด (Tank Infra: บริษัทย่อยของ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด) ในการร่วมจัดตั้ง บริษัท ท็อป อินฟรา จำกัด (TOP Infra) โดยไทยออยล์ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ Tank Infra ถือหุ้น 49% โครงการประกอบด้วยธุรกรรมหลัก 2 ส่วน ได้แก่

1 ไทยออยล์ทำสัญญาให้เช่าทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานแก่ TOP Infra ระยะยาว 21 ปี และ

2 ไทยออยล์เช่าช่วงทรัพย์สินกลับมาใช้ในการดำเนินธุรกิจโรงกลั่นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงสร้างธุรกรรมทั้งหมดเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของรายการที่เกี่ยวโยงกันและรายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนอย่างครบถ้วน การดำเนินโครงการจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง เสริมความยืดหยุ่นทางการเงิน และสนับสนุนการบริหารโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้มีเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น

ที่ประชุมมีมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ (3/4) ของจำนวนคะแนนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน (ไม่นับรวมผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย)

โครงการ Asset Monetization ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านการเงินที่มุ่งยกระดับความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในระยะยาว เพื่อรองรับการเติบโตและขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวทางที่ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไทยออยล์ในการ “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน” 

เกี่ยวกับ ไทยออยล์

ไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการโรงกลั่นนํ้ามันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน 

นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่ทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด และธุรกิจ New S-Curve

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ อนุทิน บอกชาวโซเชียลทวงเงินคนละครึ่ง ว่า “เดี๋ยวกลับมา”

นายกฯ อนุทิน อารมณ์ดี ตอบชาวโซเชียล ทวงเงินคนละครึ่งเฟสสอง 2,400 บาท  บอก “เดี๋ยวกลับมา”

“พลังงาน” ยืนยัน ไม่ส่งออกน้ำมันไป กัมพูชา แล้ว

“พลังงาน” ยืนยัน ไม่ส่งออกน้ำมันไป กัมพูชาตั้งแต่เดือนก.ค. 2568  ย้ำความมั่นคงของชาติต้องมาก่อน

ธ.ก.ส. จับมือ กรมบัญชีกลาง และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

ธ.ก.ส. จับมือ กรมบัญชีกลาง และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ยกระดับ แอปพลิเคชัน BAAC Mobile บริการทางการเงินที่ครบวงจรและโปร่งใส

กบข. เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล พระพันปีหลวง

กบข. เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลปัญญาสมวาร ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง