คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนัดแรกของปีนี้

Date:

วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทยเผชิญปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เป็นข้อจำกัดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญส่วนอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบในช่วงที่ผ่ต่อการเติบโตการใช้นโยบายการเงินไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็ว ในการแถลงแนวคิดนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 15 มกราคม โดยผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 2.50% มีความเหมาะสมในบริบทเศรษฐกิจการเงินในปัจจุบัน ซึ่งพอจะสรุปประเด็นที่สำคัญได้ดังนี้

(i) ธปท.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวในหลายมิติ โดยเฉพาะอุปสงค์ในประเทศ ภาคบริการ และการจ้างงานที่ปรับตัวานมาส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการอุดหนุนและมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานของรัฐบาล  ซึ่งไม่ได้เกิดจากการลดลงของราคาสินค้าเป็นวงกว้าง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนับว่าอยู่ในระดับที่ต่ำและต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เป็นส่วนใหญ่

(ii) ภาวะการขยายตัวของสินเชื่อปรับดีขึ้นจากแนวโน้มการกลับมาให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และการออกตราสารหนี้ของภาคเอกชนมีความเสี่ยง roll over ยังจำกัดอยู่

(iii) แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้น แต่ธปท.ยังมีการดำเนินมาตรการเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง โดยล่าสุด ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดภาระบางส่วนที่ลูกหนี้ต้องเผชิญในการผ่อนชำระหนี้

ทั้งนี้จากมุมมองล่าสุดของธปท.เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงชั่วคราวและยังมีการให้ความช่วยเหลือที่เน้นตรงไปยังกับกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางเป็นสำคัญประกอบกับความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำมีสาเหตุจากมีปัญหาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวซึ่งธปท.ชี้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็ว (quick fix) จึงคาดว่าในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งแรกของปีนี้ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50%

รัฐบาลกำหนดกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่ 3.6 ล้านล้านบาทเป็นงบขาดดุลที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 2 หมื่นล้านบาทการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 16 มกราคม มีมติเห็นชอบกรอบงบประมาณปี 2568 โดยกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 3.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในปีงบฯ 2567 (หรือเพิ่มขึ้น 3.4%) โดยเป็นงบประมาณขาดดุลอยู่ที่ 7.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งขาดดุลที่ 6.93 แสนล้านบาท (หรือเพิ่มขึ้น 2.9%) และเป็นงบขาดดุล 3.56% ต่อ GDP เทียบกับขาดดุลที่ 3.64% ต่อ GDP ในปีงบฯ 2567

เศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้คาดว่ายังขาดแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในปี 2566 ทำให้การจัดทำพ...งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มีความล่าช้าออกไป (จากปกติจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566) อย่างไรก็ตามคาดว่าการจัดทำจะเสร็จสิ้นและสามารถเร่งเบิกจ่ายได้ภายในไตรมาสสองของปีนี้ซึ่งจะกลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้ในระยะถัดไป (ดังเช่นการเบิกจ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงหลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562) นอกจากนี้การจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปีและยังคงขาดดุลการคลังสูงกว่า 3% ของ GDP ต่อเนื่องในปี 2568 สะท้อนเศรษฐกิจไทยยังมีความจำเป็นต้องได้รับแรงกระตุ้นผ่านทางนโยบายการคลังในอีกมุมหนึ่งอาจยังต้องระวังผลกระทบต่อวินัยการคลังและหนี้สาธารณะซึ่งล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 62% ต่อ GDP

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ อนุทิน ประชุมช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูผู้ประสบภัยภาคใต้ 

นายกฯ อนุทิน ประชุมช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูผู้ประสบภัยภาคใต้ เตรียมมาตรการพักชำระหนี้-สินเชื่อดอกเบี้ย 0%  ช่วยผู้ประกอบการ เร่งประสาน บริษัทประกันจ่ายชดเชยเร็วที่สุด 

ส.กทอ. ชี้ลดหย่อนภาษีเครื่องจักรอนุรักษ์พลังงาน กระตุ้นขอทุนงบปี 2569

ส.กทอ. ชี้มาตรการลดหย่อนภาษีเครื่องจักรเพื่ออนุรักษ์พลังงาน กระตุ้นโครงการภาคอุตสาหกรรมยื่นขอทุนงบปี 2569

ไทยออยล์ ได้รับคะแนนประเมิน CGR ระดับ “ดีเลิศ” 

ไทยออยล์ ได้รับคะแนนประเมิน CGR ระดับ "ดีเลิศ" ไทยออยล์ ได้รับคะแนนประเมิน CGR ระดับ "ดีเลิศ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 17

ไม่ว่า GEN ไหนๆ ก็ออมเงิน กับสลากออมทรัพย์ ธอส. ได้

ไม่ว่า GEN ไหนๆ ก็ออมเงินพร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ได้ทุกงวด กับสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดทองกวาวมั่งมี และ ชุดพราวพิมาน ปี 2568