ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2567 หรือ จีดีพีไทย จะขยายตัวอย่างจำกัดที่ระดับ 2.7% คาดการส่งออกขยายตัวเพียง 1.8%
ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็น 34 ล้านคน แต่ยังต่ำกว่าปกติที่ 40 ล้านคน แม้จะมีนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังฟื้นตัวจำกัด จากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอ และรัฐบาลจีนเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
นอกจากนี้ ไทยย้งมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง การบริโภคภาคเอกชนอาจชะลอตัว จากภาระหนี้ครัวเรือนในระดับสูง
ขณะที่ธุรกิจเอกชนบางส่วนเผชิญความยากลำบากในการชำระคืนหนี้ โดยในส่วนที่ระดมทุนผ่านตราสารหนี้ อาจมีต้นทุนการออกหุ้นกู้และการชดเชยความเสี่ยงที่สูงมากขึ้น
ในปี 2567 เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ต้องตั้งรับกับสถานการณ์โลกที่มีการรีเซ็ตสำคัญ 3 ประการ คือ
1 การรีเซ็ตเทรนด์โลกใหม่ จากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และเทรนด์นวัตกรรม AI เปลี่ยนโลก
2 การรีเซ็ตเศรษฐกิจโลกภายใต้ภาวะการเงินตึงตัว อัตราดอกเบี้ยในระดับสูง สร้างความยากลำบากในการระดมทุนและจ่ายคืนหนี้ เพิ่มความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้
3 การรีเซ็ตเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจโลก โดยเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกทั้งสหรัฐฯ และจีนอาจดับลงพร้อมกัน ความเสี่ยงหลักจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ หากทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีรอบใหม่ ขณะที่สงครามการค้าซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จะเป็นภัยคุกคามเศรษฐกิจจีนให้อ่อนแอลงไปอีก
Krungthai COMPASS แนะนำภาคธุรกิจให้เตรียมพร้อมรับมือกับการรีเซ็ตเศรษฐกิจโลกใหม่ โดยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทางการค้าจากขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ เพื่อรับมือกับความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น