
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการศึกษาเก็บ ภาษีบุหรี่ ให้เหลืออัตราเดียว เนื่องจากข้อมูลพบว่า มี 7 ประเทศในโลกมีการเก็บภาษีบุหรี่หลายอัตราเหมือนกับประเทศไทย ส่วนรายละเอียดขอหารือกับผู้มีส่วนได้เสียให้ได้ข้อสรุป และเสนอให้ฝ่ายนโยบายเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
ปัจจุบันการเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ของไทย มีการเก็บตามปริมาณ 1.20 บาท/มวน และเก็บตามมูลค่าบุหรี่ที่ตั้งราคาขายปลีกไม่เกินซองละ 72 บาท เสียภาษีตามมูลค่าในอัตรา 25% ของราคาขายปลีกแนะนำ ส่วนบุหรี่ที่ตั้งราคาขายปลีกเกินซองละ 72 บาท เสียภาษีที่อัตรา 42% ของราคาขายปลีกแนะนำ
นายเอกนิติ กล่าวว่า การพิจารณาเก็บภาษีบุหรี่อัตราเดียว ต้องพิจารณา 5 ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่
1 ขนาดตลาดของบุหรี่ที่ลดลงทั่วโลก และผู้ประกอบการหลายมีการผลิตบุหรี่ไฟฟ้า ออกมาทดแทน
2 ต้องคำนึงถึงเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบในประเทศไทย จะต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
3 การเก็บภาษีบุหรี่เหลืออัตราเดียวต้องไม่กระทบกับการเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต
4 อัตราภาษีบุหรี่อัตราเดียว ต้องเป็นสากลและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการในประเทศ และผู้นำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ
5 ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยของสุขภาพ ตามความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
“กรมสรรพสามิตขอหารือ ทั้ง 5 ภาคส่วน ให้ได้ข้อสรุปที่ทุกคนรับได้เป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้มากที่สุด เพื่อสรุปรายละเอียดการเก็บภาษี ให้ฝ่ายนโยบายเห็นชอบต่อไป” นายเอกนิติ กล่าว