นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต 9 เดือน ปีงบประมาณ 2567 มีจำนวน 3.94 แสนล้านบาท แม้ว่า จะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 12% โตกว่าการขยายตัวเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ประมาณ 2-3%
อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีดังกล่าวยังต่ำกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยจากมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1 การเก็บภาษีน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมาย 2.5 หมื่นล้านบาท จากมาตรการลดภาษีเพื่อช่วยเบาเทาราคาพลังงานแพงให้กับประชาชน
2 การเก็บภาษีรถยนต์ต่ำกว่าเป้าหมาย 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสาเหตสำคัญมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอตัวมีการซื้อขายลดลงอย่างมาก โดยผลกระทบจากมาตรการรถ EV 3.0 และ EV 3.5 ที่มีการลดภาษีลดลงจาก 8% เหลือ 2% มีผลกระทบกับการเก็บภาษีรถยนต์ที่ลดลงประมาณ 10% เท่านั้น ชี้ให้เห็นว่าภาพรวมมาจากผลกระทบทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอตัวลงแรง
3 การเก็บภาษีบุหรี่ ต่ำกว่าเป้าหมาย 5,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการบริโภคลดลงทั่วทั้งโลก มีสินค้าทดแทนบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น และอัตราภาษีทำให้ราคาบุหรี่แพง ทำให้เกิดมีภาษีปลอดระบาดจำนวนมาก ซึ่งกรมสรรพสามิตเร่งดำเนินการปราบปราม และอยู่ระหว่างการศึกษาปรับโครงการสร้างภาษีบุหรี่ จาก 2 อัตรา ให้เหลืออัตราเดียว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนและการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตไม่ลดลง
สำหรับการเก็บภาษีสินค้าประเภทอื่นๆ ของกรมสรรพสามิตยังขยายตัวได้ดี สูงกว่าเป้าหมาย แต่ไม่เพียงพอชดเชยภาษี 3 ตัวหลัก ที่ต่ำกว่าเป้าจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือ 3 เดือนของปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพสามิต เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีให้มากที่สุด และทั้งปีงบประมาณจะเก็บภาษีไม่ให้ต่ำกว่าเป้าหมายมากลงไปกว่านี้อีก