คาด กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.5%

Date:

วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)​ คงดอกเบี้ยด้วยมติไม่เป็นเอกฉันท์ ชี้พัฒนาการเศรษฐกิจยังเป็นไปตามคาด แต่ยังต้องติดตามสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 21 สิงหาคม มีมติ 6 ต่อ 1 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% โดยประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวตามคาด ด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการท่องเที่ยวและอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่การส่งออกสินค้าและภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้านอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายภายในปลายปี 2567 

ดังนั้น คณะกรรมการส่วนใหญ่จึงเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่โน้มเข้าสู่ศักยภาพและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน ขณะที่กรรมการ 1 ท่าน เห็นควรให้ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้น และเพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ลูกหนี้ได้บ้าง 

จากถ้อยแถลงดังกล่าวและมุมมองเศรษฐกิจเชิงบวกของ กนง. ซึ่งคาดว่า GDP จะเติบโตเข้าใกล้ 3% YoY ในไตรมาส 3 และ 4% ในไตรมาส 4 ส่วนอัตราเงินเฟ้อในระยะกลางจะอยู่ในกรอบเป้าหมาย (1-3%) จากปัจจุบันเฉลี่ย 7 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 0.11% วิจัยกรุงศรีประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปี กนง. มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% 

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามประเด็นที่กนง.แสดงความกังวลไว้เกี่ยวกับ (i) ภาวะการเงินที่ตึงตัวขึ้น ผลกระทบของคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงต่อภาวะเศรษฐกิจและการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและกลุ่มธุรกิจที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ทำให้หนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะต่อไปและอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริง  และ (ii) การลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐหากยังคงซบเซาต่อเนื่อง ประเด็นเหล่านี้อาจส่งผลให้กนง.อาจมีการทบทวนการดำเนินนโยบายทางการเงินในระยะข้างหน้าได้

มีความเป็นได้มากขึ้นที่รัฐบาลชุดใหม่จะปรับรูปแบบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางก่อนในปีนี้ จากการแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและบิดาของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ระบุว่าแหล่งเงินที่จะมาใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติมปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท บวกกับงบฯกลางอีก 2 หมื่นกว่าล้าน เป็น 1.45 แสนล้านบาท อาจจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นการเติมเงินลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐก่อนราว 14.5 ล้านคน 

ภายหลังการแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ล่าสุดนายกฯแพทองธารกล่าวว่ารัฐบาลจะให้ความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในเดือนกันยายน ทางด้านความเห็นจาก ดร.ปิติ ดิษยทัต (เลขานุการ กนง.) เผยว่ากนง. กำลังจับตาการเปลี่ยนแปลงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะแนวคิดการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมมาเป็นการแจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งกนง.เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารูปแบบเดิม แต่อาจมาพร้อมกับเม็ดเงินสนับสนุนที่ลดลง  

วิจัยกรุงศรีประเมินมีความเป็นไปได้สูงที่โครงการดังกล่าวจะมีการปรับเปลี่ยน ส่วนหนึ่งจากข้อจำกัดของงบประมาณเพิ่มเติมวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ที่ได้มีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจำเป็นที่จะต้องมีการนำมาใช้ก่อนจะสิ้นสุดปีงบประมาณ 2567 ในเดือนกันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความชัดเจนของการปรับเปลี่ยนรูปแบบ เงื่อนไข วงเงินที่ใช้ในโครงการ และช่วงเวลาที่จะดำเนินการทั้งหมด เพื่อจะประเมินผลต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไปได้ชัดขึ้น

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

EXIM BANK สนับสนุนการจำหน่ายสินค้าเกษตร

EXIM BANK สนับสนุนการจำหน่ายสินค้าเกษตรจากเกษตรกรผู้สูงอายุ 

บสย. เดินหน้าช่วย SMEs ทุกมิติ

บสย. เดินหน้าช่วย SMEs ทุกมิติ เปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อ 10 เดือน 43,228 ล้านบาท โครงการ PGS 11 ค้ำประกันทะลุ 2 หมื่นล้า

คปภ.เดินหน้าใช้ ยกระดับธุรกิจประกันภัย

คปภ.เดินหน้าเต็มสูบ ดิจิทัล AI ยกระดับธุรกิจประกันภัย “สร้างโอกาสใหม่แห่งการประกันภัยด้วยเทคโนโลยี เพื่อคุ้มครองชีวิตและสุขภาพอย่างยั่งยืน”

บล.เกียรตินาคินภัทร ชี้นโยบายทรัมป์สะเทือนเศรษฐกิจโลก

บล.เกียรตินาคินภัทร ชี้นโยบายทรัมป์สะเทือนเศรษฐกิจโลก แนะตราสารหนี้โดดเด่นสร้างรายได้ในยุคดอกเบี้ยขาลง