
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแกว่งตัวผันผวน ทั้งนี้เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือนครึ่งที่ 34.98 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางอ่อนค่าของสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย นำโดย เงินหยวน หลังภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับอานิสงส์จากราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศชะลอการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariffs ให้กับหลายประเทศ ยกเว้นจีน เป็นเวลา 90 วัน (แต่ยังเก็บอัตราภาษีพื้นฐาน 10% อยู่)
เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องช่วงปลายสัปดาห์ โดยแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ที่ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังเงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด และความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยกระดับความตึงเครียดขึ้นตามอัตราภาษี Reciprocal Tarriff ที่ปรับขึ้นเพื่อตอบโต้กัน
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-18 เม.ย. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.50-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทิศทางค่าเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประชุม ECB และธนาคารกลางเกาหลีใต้ ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของจีน รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่องตามประเด็นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยร่วงลงกว่า 50 จุดและแตะจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปีครั้งใหม่ที่ 1,056.41 จุด ทั้งนี้ ตลท. มีการประกาศปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor, Dynamic Price Band และห้ามขายชอร์ตเป็นการชั่วคราว (8-11 เม.ย.) เพื่อลดความผันผวนของตลาด อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคปหลายตัว โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ พลังงาน และค้าปลีกที่ราคาปรับตัวลงไปค่อนข้างมากช่วงก่อนหน้านี้ ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรงในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศระงับใช้มาตรการภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน (ยกเว้นจีน) แต่กรอบการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยเริ่มจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางสัญญาณระมัดระวังของนักลงทุนก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ประกอบกับยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
สำหรับสัปดาห์ที่ 16-18 เม.ย. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,100 และ 1,085 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ การประชุม ECB ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของจีน