ก.ล.ต. ยกระดับปิดกั้นแพลตฟอร์มดิจิทัลเถื่อน

Date:

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมเดินหน้าประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับปิดกั้นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศที่มีพฤติกรรมการชักชวนหรือโฆษณาการให้บริการ (solicit) กับผู้ลงทุนในประเทศไทย กระบวนการปิดกั้นทำได้รวดเร็วมากขึ้น หลังจากพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) และพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 (พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ) มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568

ตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ฉบับแก้ไข กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร ที่ต้องได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ

(1) มีการแสดงผลโดยผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นภาษาไทย

(2) มีการจดทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยใช้ชื่อโดเมน “th” หรือ “ไทย” หรือชื่ออื่นที่หมายถึงประเทศไทย ราชอาณาจักร หรือราชอาณาจักรไทย หรือใช้ชื่อโดเมนภาษาไทย

(3) มีการกำหนดโดยผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้ผู้ใช้บริการชำระเงินหรือสามารถเลือกชำระเงินเป็นสกุลเงินบาท หรือมีการรับชำระเงินผ่านบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย

(4) มีเงื่อนไขให้ใช้กฎหมายไทยเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ธุรกรรมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือกำหนดให้ดำเนินคดีในศาลไทย

(5) มีการจ่ายค่าบริการแก่ผู้ให้บริการสืบค้นแหล่งที่ตั้งของข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการในราชอาณาจักรไทยเข้าถึงบริการของผู้ประกอบธุรกิจเป็นการเฉพาะ

(6) มีการจัดตั้งสำนักงาน หน่วยงาน หรือมีบุคลากรเพื่อให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้ใช้บริการในราชอาณาจักรไทย

(7) มีลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

พร้อมกันนี้ พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ กำหนดให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) สามารถดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต่างประเทศที่มีพฤติกรรมในลักษณะข้างต้น ซึ่งถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ได้

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล กฎหมายกำหนดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล การคัดกรอง และระงับธุรกรรมหรือบัญชีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกับธนาคารพาณิชย์ รวมถึงอยู่ภายใต้กลไกการคืนเงินแก่ผู้เสียหายซึ่งจะทำให้ผู้เสียหายได้รับเงินคืนรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดรายชื่อบุคคลหรือเลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล (wallet) ที่เกี่ยวข้องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (blacklist) และห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทำธุรกรรมกับบุคคลที่มีรายชื่อหรือกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว*

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “หลังจากกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีผลใช้บังคับแล้วจะทำให้การปิดกั้นช่องทางการเข้าถึงแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีกระบวนการที่กระชับ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับเจ้าของบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. สนับสนุนให้ผู้ลงทุนใช้บริการกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาต เนื่องจากได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและ ก.ล.ต. มีการติดตามตรวจสอบใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่ใช้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศต้องระมัดระวัง เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวง (scam) รวมถึงความเสี่ยงในการเป็นเส้นทางผ่านเงินของผู้กระทำความผิดที่ต้องการฟอกเงิน”

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

ศุลกากร จับมือ การท่าเรือฯ ยกระดับความปลอดภัยขนสินค้า

ศุลกากร จับมือการท่าเรือแห่งประเทศไทย ยกระดับนวัตกรรมความปลอดภัยสู่มาตรฐานสากล

“ธนารักษ์” เปิดตัวโครงการ Clean Energy

“ธนารักษ์” เปิดตัวโครงการ Clean Energy ต้นแบบการใช้พลังงานสะอาดในที่ราชพัสดุ  พร้อมลงนาม MOU กับกองทัพเรือจัดทำโครงการนำร่อง

บสย. ได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ ESG DNA

บสย. ได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ โครงการ ESG DNA จากตลาดหลักทรัพย์ฯ

เร่งเบิกใช้งบกระตุ้น 1.57 แสนล้านบาท

เร่งเบิกใช้งบกระตุ้น 1.57 แสนล้านบาท พบใช้ไม่ทัน 2.6 หมื่นล้านบาท ให้สำนักงบโยกไปไว้งบเบิกฉุกเฉิน