
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2568 ธนาคารมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 11,714 ล้านบาท
โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ดีที่ 95,017 ล้านบาท และมี NPL Ratio 2.97 ลดลงจาก 2.99% จากสิ้นปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการ Portfolio ได้อย่างสมดุลท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ธนาคาร (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 18.17% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 21.14% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตาม
ความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด
ในวันที่ 19 มีนาคม 2568 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings ได้ประกาศปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อระดับสากลของธนาคารทั้งระยะยาว / ระยะสั้น เป็น BBB/ A-2 จาก BBB- / A-3 โดยพิจารณาถึงความสามารถในการทำกำไร (profitability) ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง และสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ในปี 2568 ธนาคารมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้แนวคิด “Corporate Value Creation เสริมทักษะ สร้างคุณค่า สู่อนาคต” เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก ที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน บริหารจัดการความเสี่ยงจากคุณภาพสินเชื่อ เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของพนักงานซึ่งเป็นหัวใจขององค์กร ประกอบด้วย การสร้าง Value ใน 5 ระบบนิเวศที่มุ่งเน้นได้อย่างเต็มศักยภาพ ต่อยอดแพลตฟอร์มเดิมและการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต การยกระดับวิธีการเข้าถึงและการบริการลูกค้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอทีและเทคโนโลยีแห่งอนาคต และการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสร้างรูปแบบใหม่ในการทำงาน ให้มีความพร้อมตอบโจทย์ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมทั้งการมีผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต