
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ผลกระสหรัฐขึ้นภาษี สร้างความไม่แน่นอน และไม่ชัดเจนกับทั้งเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจไทย เหมือนพายุที่เข้ามาหนักขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลานานไม่สงบเร็ว และต้องใช้เวลานานในการแก้ไขความเสียหายที่เกิดจากพายุ
ธปท. ประเมินว่ามี 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ส่งออกไปสหรัฐจำนวนมาก จะได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ยางล้อ อาหารแปรรูป และอิเล็กทรอนิกส์
“จากที่ ธปท. ผลกระทบสหรัฐขึ้นภาษี ต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ลากยาวมหาศาลแน่นอน แต่ไม่หนักกว่าวิกฤติโควิด-19 หรือวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ โดยจุดต่ำสุดของปัญหาน่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 4/2568” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า โจทย์นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องการกระตุ้นเพื่อเรือวิ่งในความเร็วแบบเดิม มาตรการบางอย่างอาจจะไม่เหมาะสมกับเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ เช่น การกระตุ้นการบริโภค รัฐบาลต้องคิดว่าจะมีมาตรการรช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้รวดเร็วในระยะยาวหลังพายุลูกนี้ผ่านไป และ ธปท. ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ทบทวนมาตรการกระตุ้นการบริโภคว่ามีความเหมาะสมต่อไปหรือไม่

ผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า นโยบายการเงินได้ดำเนินการควบคู่กับนโยบายด้านอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเพียงพอรองรับผลกระทบจากพายุภาษีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาได้ในระดับหนึ่ง แต่หากสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ ธปท. ก็พร้อมที่จะปรับนโยบาย แต่วันนี้นโยบายการเงินในระดับปัจจุบันเพียงพอกับการรองรับผลกระทบ