ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ให้ GDP ปี 68 โต 1.4%

Date:

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินหลังสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศการขยายตัวเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2568 โต 3.1% YoY โดยเร่งตัวจากการส่งออกก่อนภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมีผล ในขณะที่ภาคการผลิต การบริโภค และท่องเที่ยวชะลอลง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  มองว่าทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้สหรัฐฯ จะเริ่มมีข้อตกลงทางการค้าออกมา โดยเฉพาะกับจีน แต่การบรรลุข้อตกลงกับไทยยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ในขณะที่แรงส่งจากท่องเที่ยวในปีนี้คาดว่าจะติดลบ ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ไว้ที่ 1.4%

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในไตรมาส 2/2568 แม้สหรัฐฯ จะระงับการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ไป 90 วัน ไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค. เนื่องจากมีการเร่งส่งออกก่อนการปรับขึ้นภาษีไปค่อนข้างมากแล้วในไตรมาส 1/2568 ส่งผลให้ระดับสินค้าคงคลังในสหรัฐฯ อยู่ในระดับค่อนข้างสูง ขณะที่ในไตรมาส 2/2568 สหรัฐฯ เริ่มมีการเรียกเก็บภาษีพื้นฐาน (Baseline Tariffs) ที่ 10% ดังนั้น คาดว่าการส่งออกไทยในไตรมาส 2/2568 จะยังคงรักษาการขยายตัวเป็นบวกได้ แต่ในอัตราที่ชะลอลงอย่างมาก

การบรรลุข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่จะปรับลดภาษีตอบโต้กับจีนมาอยู่ที่ 30% เป็นระยะเวลา 90 วัน คาดว่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด เนื่องจากอัตราภาษีปัจจุบันที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากจีนอยู่ที่ 51% (หากนับรวมอัตราภาษีที่เรียกเก็บตั้งแต่สมัยทรัมป์ 1.0) ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงกว่าคู่ค้าสหรัฐฯ รายอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่หลังจากสิ้นสุด 90 วัน ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่สูง โดยข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ให้จีนให้ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศอาจไม่สามารถทำได้โดยง่าย ดังนั้น โอกาสที่ความตึงเครียดทางการค้าจะยกระดับขึ้นยังคงมีอยู่

ผลการเจรจาของสหรัฐฯ กับไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้สหรัฐฯ จะมีการบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับสหราชอาณาจักรและจีน รวมถึงเริ่มมีการเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ขณะที่ไทยมีความคืบหน้าในการส่งข้อเสนอไปยังผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) แล้ว แต่ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ส่งผลให้ไทยเผชิญความเสี่ยงที่การเจรจาอาจล่าช้าออกไป ซึ่งหากไทยเผชิญอัตราภาษีที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งอื่นๆ คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกไทยหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

การท่องเที่ยวที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะหดตัวในปี 2568 จากความท้าทายจากทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยลดลง พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและความต้องการด้านการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป รวมถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 34.5 ล้านคน หรือหดตัวจากปีก่อนหน้า 2.8%

ดังนั้น จากปัจจัยความไม่แน่นอนข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ที่ 1.4% อย่างไรก็ดี ประมาณการดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับผลการเจรจาทางการค้าของไทยเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่นๆ เป็นสำคัญ รวมถึงมาตรการดูแลเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะออกมาเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลให้ประมาณการดังกล่าวมีแนวโน้มดีกว่าที่คาด

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

SME D Bank เผยสุขภาพธุรกิจเอสเอ็มอีไทย พบ 3 จุดอ่อน

SME D Bank เผยผลตรวจสุขภาพธุรกิจเอสเอ็มอีไทยพบ 3 จุดอ่อนสำคัญ ประกาศลุย “เติมความรู้คู่เงินทุน” ช่วยเพิ่มศักยภาพ สู้ได้ทุกสถานการณ์

สำนักงาน คปภ. เป็นเจ้าภาพจัดโครงการ ALIP ปี 2568

สำนักงาน คปภ. เป็นเจ้าภาพจัดโครงการ ALIP ปี 2568 พัฒนาบุคลากรประกันชีวิตสู่นานาชาติ 

โชว์สถิติรัฐบาลแพทองธาร GDP โตกว่า 3%

โชว์สถิติรัฐบาลแพทองธาร GDP โตกว่า 3% ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ครั้งแรกในรอบ 7 ปี

DEXON ได้รับใบประกาศนียบัตร CAC

DEXON ได้รับใบประกาศนียบัตร CAC ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส