
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.80 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.02 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 32.70-33.03 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังหนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ของเฟด Michelle Bowman (Board of Governors) ที่มักจะให้ความเห็นในเชิง Hawkish ได้ให้ความเห็น อาจสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC เดือนกรกฎาคม (ซึ่งเรียกได้ว่า ความเห็นดังกล่าว มีความ Dovish พอสมควร เมื่อเทียบกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดจาก Dot Plot ล่าสุด) ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดต่างเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในปีนี้ เกิน 2 ครั้ง
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ดูทยอยคลี่คลายลง หลังการโจมตีตอบโต้สหรัฐฯ จากอิหร่านไม่ได้รุนแรงอย่างที่ตลาดกังวล อีกทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยังได้ระบุว่า อิหร่านกับอิสราเอลได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามจังหวะการย่อตัวเข้าสู่โซนแนวรับของราคาทองคำ หลังไร้แรงหนุนจากปัจจัยความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk)
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้น เหนือความคาดหมายของเราไปพอสมควร เนื่องจากเหตุผลหลักมาจากทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง Michelle Bowman ซึ่งมักจะให้ความเห็นในเชิง Hawkish (ไม่รีบลดดอกเบี้ย) และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ดูจะคลี่คลายลงได้เร็ว อย่างไรก็ดี แม้ว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้นมีกำลังมากขึ้น ทว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง หลังราคาทองคำได้ย่อตัวลงเข้าใกล้โซนแนวรับ ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอย Buy on Dip ทองคำได้ โดยเฉพาะฝั่งผู้เล่นในตลาดที่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ
อนึ่ง ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม กอปรกับ สถานการณ์การเมืองไทยที่ดูจะวุ่นวายน้อยลง หลังบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลยังคงส่งสัญญาณพร้อมอยู่กับพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาลต่อ ก็อาจหนุนให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยได้บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของตลาดหุ้น ที่ปรับตัวลดลงมาใกล้ระดับที่ตลาดการเงินเผชิญความเสี่ยงภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งแรงซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้
ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดได้ หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงคืนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ของไทย ในวันพุธ 25 มิถุนายน นี้ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน
การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ อย่าง เงินบาทในช่วงระยะสั้นนี้ ยังคงสะท้อนถึงภาวะความผันผวนสูงเกินปกติของตลาดการเงิน ทำให้ เราคงเน้นย้ำความสำคัญของการใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.85 บาท/ดอลลาร์