ทีเอ็มบีธนชาต กำไรสุทธิครึ่งปี 10,100 ล้านบาท

Date:

ทีทีบี

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 และงวด 6 เดือน ปี 2568 โดยธนาคารและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิ 5,004 ล้านบาท ในไตรมาส 2 รวม 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 10,100 ล้านบาท ยังคงเน้นย้ำการมีประสิทธิภาพด้านต้นทุนเพื่อลดผลกระทบจากแรงกดดันด้านรายได้และรักษาความสามารถในการทำกำไร ด้านอัตราส่วนหนี้เสียลดลงมาอยู่ที่ 2.73% ขณะที่อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพทรงตัวในระดับสูงที่ 149% สะท้อนแนวโน้มด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพและบริหารจัดการได้ตามเป้าหมาย

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก อย่างไรก็ดีจากการที่ทีทีบีเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบมาโดยตลอด จึงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีความพร้อมในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจ และสามารถดำเนินการตามแผนงานด้านต่าง ๆ ได้ตามเป้าหมาย สิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ยังคงเป็นเรื่องของการให้ความช่วยเหลือลูกค้า การเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นตามแผนบริหารส่วนทุน และการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ให้มีเสถียรภาพท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 5,004 ล้านบาท ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบแล้วจะเห็นว่าปรับตัวลดลง 2% จากไตรมาสก่อน และลดลง 7% จากไตรมาส 2 ปี 2567 การลดลงดังกล่าวมีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย และสะท้อนผลจากการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าภายใต้โครงการต่าง ๆ นำโดยโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 2 มีลูกค้าทั้งรายย่อยและ SMEs เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 54,000 ราย หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อราว 31,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีโปรแกรมปรับโครงสร้างหนี้รูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งหนึ่งในโครงการที่เราได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บริการ “รวบหนี้” ซึ่งมีลูกค้าเข้าร่วมกว่า 53,650 ราย ในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นจาก 37,470 ราย ในปี 2567 และ 17,000 รายในปี 2566 หรือเทียบเท่ากับว่าสามารถช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ยไปได้กว่า 2,510 ล้านบาท โดยล่าสุดธนาคารได้เปิดตัวโปรแกรมใหม่ “ผ่อนดี มีรางวัล” เพื่อตอบแทนกลุ่มลูกค้าสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ และสินเชื่อบุคคล ที่มีวินัยทางการเงินและมีประวัติการผ่อนชำระอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับความคืบหน้าของแผนการบริหารส่วนทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นนั้น ณ สิ้นไตรมาส 2 ธนาคารเสร็จสิ้นการซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเดินหน้าสร้างความร่วมมือระหว่างกันเพื่อต่อยอด Wealth Ecosystem เพื่อพัฒนาการให้บริการอย่างครบวงจร ด้านโครงการซื้อหุ้นคืน ดำเนินการไปแล้วกว่า 3,876 ล้านบาท จากกรอบงบประมาณ 7,000 ล้านบาท ในปี 2568 นี้ 

ท้ายสุดในเรื่องของการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ เป็นสิ่งที่ทีทีบีเน้นย้ำมาตลอดและสามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตามเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและยาว โดยหากมองในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทีทีบีสามารถควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ให้ทรงตัวที่ 2.6% – 2.7% ถือเป็นหนึ่งในธนาคารที่มี NPL ratio ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม และหากมองภาพระยะยาวนับตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 ธนาคารสามารถลดยอดหนี้เสียได้ราว 12% จากประมาณ 44,000 ล้านบาท มาอยู่ที่ระดับ 39,000 ล้านบาท สะท้อนผลสำเร็จจากการบริหารจัดการเชิงรุกและการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ รวมไปถึงการแก้หนี้เสียเชิงรุกและการช่วยลูกค้าแก้ปัญหาหนี้อย่างเหมาะสม ซึ่งส่งผลให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้ลดลงและพอร์ตสินเชื่อมีคุณภาพดีขึ้น

สำหรับช่วงที่เหลือของปี ธนาคารจะยังคงเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพและความแข็งแกร่งทางการเงินควบคู่กับการบริหารจัดการด้านต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการกำไร ทั้งนี้ ด้วยฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ธนาคารมั่นใจว่าจะสามารถคงอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูงได้แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดก็ตาม ขณะที่ประเมินว่าโครงการซื้อหุ้นคืน 3 ปี วงเงิน 21,000 ล้านบาท จะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนในตลาดทุนที่มีต่อมูลค่าของผู้ถือหุ้นได้เช่นกัน 

ในประการสำคัญ ธนาคารยังคงสนับสนุนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 รวมทั้งโครงการอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการแก้หนี้อย่างยั่งยืน และแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารในการทำให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น”

รายละเอียดผลการดำเนินงานรายการหลัก ๆ ในไตรมาส 2 และงวด 6 เดือน ปี 2568 มีดังนี้

สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 1,206 พันล้านบาท ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2568 (QoQ) และชะลอลง 2.8% จากสิ้นปี 2567 (YTD) เป็นผลจากการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบและการชำระคืนหนี้ของลูกค้า โดยธนาคารยังคงดำเนินการปรับโครงสร้างสินเชื่อไปยังกลุ่มสินเชื่อรายย่อยเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทน ผ่านการนำเสนอสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้า Ecosystem ได้แก่ กลุ่มคนมีบ้าน คนมีรถ พนักงานเงินเดือน และลูกค้า Wealth ส่งผลให้สินเชื่อกลุ่มเป้าหมายยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้านแลกเงิน (+2% QoQ) สินเชื่อเล่มแลกเงิน (+15% QoQ) และบัตรเครดิต (+1% QoQ) 

ด้านเงินฝากอยู่ที่ 1,289 พันล้านบาท ลดลง 0.7% QoQ และ 3.0% YTD สอดคล้องกับทิศทางสินเชื่อและเป็นไปตามแผนบริหารสภาพคล่อง โดยการลดลงส่วนใหญ่มาจากกลุ่มเงินฝากประจำระยะยาวที่ครบกำหนด ทั้งนี้ จากการปรับกลยุทธ์เชิงผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้า Wealth ส่งผลให้เงินฝากกลุ่มบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศและเงินฝากไม่ประจำ ttb no-fixed ขยายตัวได้ดี ด้านอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (LDR) ซึ่งสะท้อนสถานะสภาพคล่องยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 94% ยังคงสร้างความยืดหยุ่นในการบริหารต้นทุนทางการเงินในระยะถัดไป 

ในด้านรายได้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ปี 2568 ปรับตัวดีขึ้น 9.1% QoQ หนุนโดยการฟื้นตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์แอสชัวรันส์จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และรายได้อื่น ๆ เช่น เงินปันผล อย่างไรก็ดี รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 3.6% QoQ จากอัตราผลตอบแทนที่ลดลงตามการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและการลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 16,381 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2568 ชะลอลง 1.0% QoQ และรายได้จากการดำเนินงานรวม 6 เดือน อยู่ที่ 32,934 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) 

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ 7,271 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 2.4% QoQ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่าย one-time เกี่ยวกับการ write-off ระบบไอที รวม 6 เดือน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 14,369 ล้านบาท ยังคงลดลง 2.1% YoY ขณะที่อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้รอบ 6 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 43.7% เป็นไปตามเป้าหมาย และสะท้อนกลยุทธ์การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับการตั้งสำรองฯ มีจำนวน 4,294 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2568 ลดลง 6.2% QoQ รวม 6 เดือน ตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้น 8,874 ล้านบาท ลดลง 14.6% จากปีก่อนหน้า สะท้อนคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่ดีขึ้น โดยหนี้เสียอยู่ที่ 39,164 ล้านบาท ลดลง 0.9% QoQ และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ 2.73% อย่างไรก็ดี แม้ตั้งสำรองฯ ลดลง แต่อัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงทรงตัวในระดับสูงที่ 149% 

หลังจากหักสำรองฯ และภาษี ธนาคารรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2568 ที่ 5,004 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า รวม 6 เดือนแรกของปีมีกำไรสุทธิ 10,100 ล้านบาท ลดลง 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 

ท้ายสุดด้านฐานะเงินกองทุน ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 อัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) อยู่ที่ 20.0% และ 17.8% ตามลำดับ ยังคงสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้ที่ 12.0% สำหรับ CAR และ 9.5% สำหรับ Tier 1 

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เคทีซีแกร่งต่อเนื่อง ครึ่งปีแรกโชว์กำไร 3,755 ล้าน

เคทีซีแกร่งต่อเนื่อง ครึ่งปีแรกโชว์กำไร 3,755 ล้าน คล่องส่วนแบ่งตลาดโตทุกผลิตภัณฑ์

พาณิชย์” ยันเดินหน้าร่วมมือจีน ขับเคลื่อนการค้า

"พาณิชย์” ยันเดินหน้าร่วมมือจีน ขับเคลื่อนการค้า การลงทุน ความร่วมมือเศรษฐกิจ

นายกฯ บินด่วนอุบลฯ เยี่ยมให้กำลังใจทหาร

นายกฯ ควง ’บิ๊กเล็ก‘ บินด่วนอุบลฯ เยี่ยมให้กำลังใจทหาร เหยียบระเบิดช่องบก

คปภ. เดินหน้ายกระดับการกำกับดูแล

คปภ. เดินหน้ายกระดับการกำกับดูแล เสริมเกราะธุรกิจประกันภัยไทย สู่มาตรฐานสากล