
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์
“อ่อนค่าลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด วันที่ 25 กรกฎาคม)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า และวันจันทร์ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวทยอยอ่อนค่าลง ทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.33-32.51 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
นอกจากนี้ เงินบาทก็เผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าตามจังหวะการปรับตัวลงของราคาทองคำ และความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ พร้อมรอลุ้น ผลการประชุม FOMC ของเฟด และ BOJ รวมถึง รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ
สำหรับ แนวโน้มเงินบาท แม้เราคงมุมมองว่า เงินบาทมีความเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงได้ แต่เรายอมรับว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด และเงินบาทเสี่ยงเผชิญ Two-Way risk (เคลื่อนไหวได้ทั้งด้านอ่อนค่าและแข็งค่า) ขึ้นกับทิศทางของเงินดอลลาร์และราคาทองคำ โดยต้องรอลุ้น ทั้ง ผลการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งอาจขึ้นกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงได้หรือไม่) รวมถึง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ข้อมูลการจ้างงาน อนึ่ง เราประเมินว่า หากบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ซึ่งจะขึ้นกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภาพดังกล่าวก็อาจยังคงกดดันราคาทองคำต่อ ทำให้เงินบาทอาจขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งไปบ้าง
นอกจากนี้ เรามีความกังวลว่า เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าลงได้ไม่ยาก หากสุดท้ายไทยยังไม่บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ และเผชิญอัตราภาษีนำเข้า 36% ซึ่งอาจเป็นไปได้ หากสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงเกิดขึ้น โดยหากอ้างอิงการอ่อนค่าของเงินบาท หลัง Liberation Day เราประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าลงราว 1.2% หรือมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ (หากอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านแรก 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน) ส่วนโซนแนวรับจะยังคงอยู่แถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์)
อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน (หรืออ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน)
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์เสี่ยงผันผวนสูงและจะเผชิญ Two-Way risk (เคลื่อนไหวได้สองทิศทาง) ขึ้นกับการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาด ซึ่งจะปรับเปลี่ยนไปตาม รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และแนวโน้มนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.10-33.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.40-32.65 บาท/ดอลลาร์