
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.75 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยให้มีผลทันที นั้น ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. พร้อมช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้กับเกษตรกรลูกค้ารายย่อยและลูกค้ากลุ่มเปราะบาง รวมถึงช่วยลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาให้กับผู้ประกอบการ SME ภาคการเกษตร ให้สามารถฟื้นตัวและดำเนินงานต่อได้ตามปกติในภาวะที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ธ.ก.ส. จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุดร้อยละ 0.25 ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) คงเหลือร้อยละ 6.375 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้านิติบุคคลชั้นดี (MLR) คงเหลือร้อยละ 6.125 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) คงเหลือร้อยละ 6.625 ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไปโดย ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการในการดูแลด้านหนี้สินอย่างครบวงจรให้กับเกษตรกรลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการ พักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมาตรการเฟส 2 จำนวน 1.431 ล้านราย ต้นเงินกว่า 189,000 ล้านบาท โดยธนาคารได้ดำเนินการฟื้นฟูอาชีพให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดการประกอบอาชีพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ระหว่างการเข้าร่วมมาตรการ นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ได้มีการสนับสนุนเงินทุนผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการประกอบอาชีพของเกษตรกรทั้ง รายย่อยและผู้ประกอบการเกษตร อาทิ สินเชื่อแทนคุณ สินเชื่อเงินด่วนสิบหมื่น สำหรับสมาชิก อสม. และ อสส. วงเงินกู้ รายละไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อเดือน และสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ เพื่อสร้างรายได้คู่ขนานจากการ ทำการเกษตร อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก MRR – 2 ต่อปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศหรือ Call Center 02 5555 0555
