
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าววาส หนี้สินครัวเรือนไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 หดตัวเป็นครั้งแรก ขณะที่คุณภาพสินเชื่อของครัวเรือนยังคงมีปัญหา โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อบัตรเครดิต โดยมีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มจำนวนของแหล่งเงินกู้นอกระบบทางออนไลน์ และการใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL) อาจส่งผลให้ผู้บริโภคก่อหนี้เกินตัว
ไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่ารวม 16.35 ล้านล้านบาท หดตัวร้อยละ 0.1 จากการขยายตัวร้อยละ 0.2 ของไตรมาสก่อนหน้า ทำให้สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมาอยู่ที่ร้อยละ 87.4 เมื่อเปรียบเทียบกับร้อยละ 88.4 ของไตรมาสที่ผ่านมา
ด้านความสามารถในการชำระหนี้ครัวเรือนยังคงมีปัญหา โดยสินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) หรือหนี้เสียในฐานข้อมูลเครดิตบูโร มีมูลค่า 1.19ล้านล้านบาท แม้จะมีสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมร้อยละ 8.78 ปรับลดลงจากร้อยละ 8.94 ของไตรมาสก่อน และสัดส่วนหนี้ NPLs ต่อสินเชื่อรวมลดลงในเกือบทุกประเภทสินเชื่อ ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อบัตรเครดิต แต่เป็นการลดลงจากการหดตัวของการให้สินเชื่อ
ขณะที่สินเชื่อค้างชำระระหว่าง 1 – 3 เดือน (SMLs) กลับมีสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น โดยอยู่ที่ร้อยละ 4.25 จากร้อยละ 4.17 ของไตรมาสที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ 1) เงินกู้นอกระบบอาจมีแนวโน้มสูงขึ้น จากการขยายตัวของหนี้เสียที่อยู่ในระดับสูง ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทำให้ลูกหนี้บางส่วนจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ
ที่สะดวก อีกทั้ง ปัจจุบันแหล่งเงินกู้นอกระบบที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นช่องโหว่ทำให้ลูกหนี้อาจถูกเอารัดเอาเปรียบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง และถูกทวงหนี้ด้วยวิธีที่ผิดกฎหมาย รวมถึงอาจถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางที่ผิด และ 2) การใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL) ที่อาจกระตุ้นให้ผู้บริโภคก่อหนี้เกินตัว เนื่องจากระบบการให้สินเชื่อ BNPL ไม่ได้เชื่อมโยงกับข้อมูลรายได้หรือภาระหนี้อื่น ๆ ของลูกหนี้ และพิจารณาให้สินเชื่อจากพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านระบบ BNPL ส่งผลให้ผู้ใช้บางรายได้รับวงเงินสินเชื่อสูงเกินระดับรายได้ อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าและบริการอื่นนอกเหนือจากใน Platform อาทิ จ่ายค่าอาหารตามร้านอาหารอีกด้วย