
นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง โพสต์เฟสบุ๊ก “Vorapak Tanyawong” ระบุว่า
เช้าวันที่ 22 กันยายน 2568 สมาคมธนาคารไทยเปิดบ้านต้อนรับนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล และคณะ ครม เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปีที่มีนายกรัฐมนตรีมาเยือนสมาคมธนาคารไทย ส่วนใหญ่วันนี้เป็นการมารับฟังข้อมูลปัญหาและคำแนะนำต่างๆจากสมาคมธนาคารไทยซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่ง ที่สามารถสะท้อนสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจไทย เพราะธนาคารไทย สัมผัสกับลูกค้าแทบจะทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี ท่านนายกฯ อนุทินและท่านรองนายกฯเอกนิติ รู้จัก CEO ของธนาคารไทยแทบจะทุกท่าน บรรยากาศการพูดคุยเลยค่อนข้างผ่อนคลายเป็นกันเองและเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างมีอรรถรส โดยมีสาระสำคัญจากสมาคมธนาคารไทยพอสังเขปดังนี้ครับ
Perfect Storm: ภาพเศรษฐกิจที่สมาคมธนาคารฉาย
ในสายตาของสมาคมฯ ไทยกำลังเจอปัญหาหลายด้านพุ่งชนกันพอดี
• โครงสร้างเดิมที่เปราะบาง
เศรษฐกิจนอกระบบยังใหญ่โตถึง 48% ของ GDP เกินกว่าหลายประเทศในเอเชีย ทำให้การจัดเก็บภาษีไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ความเหลื่อมล้ำสูง และค่าเงินบาทถูกโยกด้วยธุรกรรมทอง–คริปโต หนี้ครัวเรือนก็สูงลิ่วกว่า 100% ต่อ GDP รวมทั้งในและนอกระบบ
• ความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง
ไทยเสมือน “เครื่องยนต์ติดขัด” คาด GDP โตเฉลี่ยแค่ 2.1% ใน 5 ปีข้างหน้า ต่ำสุดในอาเซียน ขณะที่ FDI ไหลเข้าน้อย เงินทุนไทยกลับไหลออกไปลงทุนต่างประเทศแทน
• ภาครัฐที่ท้าทายไม่แพ้กัน
กฎหมายและกฎระเบียบมากกว่า แสนฉบับ กำลังกลายเป็นภาระ ธุรกิจต้องแบกต้นทุนแฝงสูง ข้อมูลหน่วยงานรัฐไม่เชื่อมกันจนถึงขั้น “หาสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าไม่ได้” ขณะที่หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
Reinvent Thailand: ข้อเสนอใหญ่จากสมาคมธนาคาร
สมาคมไม่ได้มาเพียงบ่น แต่ชูแพลตฟอร์ม “Reinvent Thailand” เป็นเวทีร่วมมือระหว่างรัฐ–เอกชน–การเงิน แนวคิดคือ “ไม่ใช่คุยแล้วจบ” แต่ต้องมี ข้อมูลนำทาง (Data-driven), เจ้าภาพชัดเจน, KPI วัดผล, และแรงจูงใจที่ถูกต้อง
สามแนวทางหลักที่สมาคมธนาคารไทยแนะนำ
ภาคประชาชน
• จัดตั้ง JV-AMC ระหว่างธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อซื้อหนี้เสียรายย่อยมาบริหารใหม่
• กำหนดให้ผู้ให้กู้ทุกรายต้องรายงานข้อมูลเครดิตเข้า NCB แล้วสร้าง National Credit Score เพื่อให้ทุกคนถูกประเมินความเสี่ยงด้วยมาตรฐานเดียว
ภาคธุรกิจ
• ผลักดันโครงการ “Greenly Made by Thais” (GMBT) เพื่อให้สินค้าส่งออกไทยมีแต้มต่อด้าน ESG และการใช้วัตถุดิบในประเทศ
• มาตรการ “พี่ช่วยน้อง” ให้บริษัทใหญ่ช่วย SMEs ในห่วงโซ่อุปทาน
• ใช้เครื่องมือใหม่ เช่น Digital Lending Platform และ PromptBiz เพื่อลดต้นทุนธุรกิจ
ภาครัฐ
• ใช้งบจัดซื้อจัดจ้างปีละ 1.7 ล้านล้านบาท เป็นคันโยกหนุน SMEs และสินค้ากลุ่ม GMBT
• ปรับโครงสร้างกฎระเบียบ ลดขั้นตอนและความซ้ำซ้อน
นโยบายเร่งด่วน 4+4
สมาคมฯ สรุปเป็น 4 ประเด็นหลัก + 4 มาตรการเสริม
1. ดึงเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ
2. แก้หนี้ครัวเรือนด้วย AMC และ National Credit Score
3. เพิ่มรายได้ครัวเรือน ผ่านการอัพสกิลและค่าตอบแทน
4. กระตุ้นการลงทุนในประเทศ ดึง FDI และหนุน local content
+4 เสริม: ใช้ PromptBiz, ปรับ บสย., เครื่องมือช่วย SMEs
ข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงรายงานเชิงเทคนิค แต่คือ สัญญาณเตือน ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังถูกล้อมด้วยความเสี่ยงรอบด้าน หากรัฐบาลกล้าลงมือจริงตามแนวทางเหล่านี้ ประเทศไทยยังมีโอกาสสร้างรอบใหม่ของการเติบโตและก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้
ซึ่งข้อแนะนำ บางอย่าง ท่านนายกฯ ก็มีแนวทางสั่งการให้ท่านรองนายกฯเศรษฐกิจได้เตรียมนโยบายไว้อยู่แล้วอาทิเช่นการแก้หนี้ภาคครัวเรือน การเสริมสภาพคล่องธุรกิจเอสเอ็มอี การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบทำสั้นแต่ได้ยาว การอำนวยความสะดวกและดึงดูดการลงทุนระยะยาว ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จากต่างประเทศ เป็นต้น