วิจัยกรุงศรี คาดรัฐบาลชุดใหม่ ช่วยลดความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย

Date:

วิจัยกรุงศรี  ประเมินว่า GDP ในไตรมาส 3 อาจลดลงจากไตรมาสก่อน แต่คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสสุดท้ายของปี ล่าสุดรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เบื้องต้นมีการเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะถือเป็น “วันแรก” ของการบริหารประเทศอย่างเป็นทางการภายใต้กรอบเวลาเพียง 4 เดือนก่อนจะประกาศยุบสภาฯเพื่อกำหนดการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลชุดนี้จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่ามีศักยภาพเพียงใดในการสร้างความต่อเนื่องด้านนโยบายและการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

วิจัยกรุงศรีประเมินสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น ประกอบกับความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยสามารถหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคได้ โดยคาดว่าแม้ GDP อาจหดตัวในไตรมาส 3/2568 (เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือ %QoQ) แต่อาจจะขยายตัวเล็กน้อยในไตรมาส 4 ทั้งนี้ ยังสอดคล้องกับประมาณการในกรณีฐานซึ่งคาดการณ์ว่า GDP ทั้งปี 2568 จะขยายตัวที่ 2.1% อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตยังมีข้อจำกัด โดยคาดว่า GDP ในช่วงครึ่งหลังของปีจะขยายตัวเพียง 1.3% YoY ชะลอลงจาก 3.0% YoY ในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากแรงส่งจากการเร่งส่งออกล่วงหน้ามีแนวโน้มลดลง ขณะที่ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯสู่ 19% ตั้งแต่เดือนสิงหาคมจะกดดันภาคส่งออกมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ยังเป็นความท้าทายต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะถัดไป แม้ว่าความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยได้ในระดับหนึ่งก็ตาม

ภาคท่องเที่ยวไทยเผชิญการแข่งขันแรงขึ้นในภูมิภาค การฟื้นตัวในช่วงที่เหลือยังเผชิญความท้าทาย ในเดือนสิงหาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 2.58 ล้านคน หดตัว -12.8% YoY สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.19 แสนล้านบาท ลดลง -13.4% สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปี นักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 21.9 ล้านคน ลดลง -7.2% YoY สร้างรายได้ 1.01 ล้านล้านบาท ลดลง -8.7%     

การท่องเที่ยวของไทยยังคงฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ โดยมีแรงกดดันสำคัญจากตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่หดตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนสิงหาคมมีนักท่องเที่ยวจีนเพียง 0.4 ล้านคน ลดลง -37.7% YoY และในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้มีเพียง 3.1 ล้านคน ลดลง -35.3% YoY หรือคิดเป็นเพียงประมาณ 40% ของระดับก่อนการแพร่ระบาดในปี 2562 ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลด้านความปลอดภัยและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนที่หันไปเลือกจุดหมายปลายทางอื่นเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นเท่านั้นหากยังรวมถึงประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนามซึ่งในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้ถึง 3.5 ล้านคน สูงกว่าไทยอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงมาเลเซียที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน สถานการณ์ดังกล่าวนี้สะท้อนว่าไทยกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดจีนซึ่งเคยเป็นตลาดหลักของการท่องเที่ยวไทย และตอกย้ำว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี 2568 ยังคงเผชิญความท้าทายสูง หากไม่มีมาตรการเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย อาจทำให้บทบาทของการท่องเที่ยวในฐานะที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยลดลงในระยะถัดไป

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

บี.กริม เพาเวอร์ จับมือ กสิกรไทย ทำสัญญาบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย

บี.กริม เพาเวอร์ จับมือ กสิกรไทย ทำสัญญาบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงการ เพิ่มกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน  เป็นครั้งแรกในธุรกิจโรงไฟฟ้าไทย

ธ.ก.ส. มอบข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ให้แก่กองทัพบก

ธ.ก.ส. มอบข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” จำนวน 12,000 ถ้วย ให้แก่กองทัพบก

โอกาสดีคนอยากมีบ้านหรู กับสินเชื่อออมสิน GSB Grand Home Plus

สินเชื่อบ้านใหม่! ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ สินเชื่อ GSB Grand Home Plus จากออมสิน บ้านหลังใหญ่รออยู่ สมัครวันนี้ - 30 ธ.ค. 68

“BCPG” คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น

“BCPG” คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น 2 ปีซ้อน สะท้อนความมุ่งมั่นส่งเสริมพลังงานสะอาดควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคม