ธนาคารกสิกรไทย กำไร 9 เดือน แตะ 4 หมื่นล้านบาท

Date:

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 เปรียบเทียบกับงวด 9 เดือน ปี 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 85,127 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2,456 ล้านบาท หรือ 2.80% เป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 104,239 ล้านบาท ลดลงจำนวน 7,768 ล้านบาท หรือ 6.94% ตามภาวะอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น และการลดลงของเงินให้สินเชื่อ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) ลดลงอยู่ที่ระดับ 3.31%

อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 42,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 5,178 ล้านบาท หรือ 13.80% หลัก ๆ จาก 1) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เติบโตจากการให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงความต้องการของลูกค้า ประกอบกับภาวะตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น 2) กำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และ 3) รายได้จากการลงทุนในภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 61,821 ล้านบาท ลดลงจำนวน 134 ล้านบาท หรือ 0.22% จากการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.07%

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 30,047 ล้านบาท ลดลงจำนวน 4,962 ล้านบาท หรือ 14.17% โดยยังคงเป็นสำรองฯ ที่ตั้งตามหลักความระมัดระวังอย่างรอบคอบตามที่ได้ปฏิบัติมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระดับสำรองฯ มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและยังคงเผชิญกับความท้าทาย ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 มีจำนวน 39,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 452 ล้านบาท หรือ 1.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 28,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 484 ล้านบาท หรือ 1.74% หลัก ๆ จากรายได้จากการดำเนินงานสุทธิที่มีจำนวน 49,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 647 ล้านบาท หรือ 1.33% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากการบริหารจัดการกองทุนที่สามารถตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้า และรายได้จากการลงทุนต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 34,158 ล้านบาท ลดลงจำนวน 497 ล้านบาท หรือ 1.43% จากไตรมาสก่อน

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ มีจำนวน 20,966 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 163 ล้านบาท หรือ 0.78% และใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ามีค่าใช้จ่ายโครงการพิเศษในการดูแลพนักงานเพิ่มเติม โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีมาตรการในการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.57% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับ 42.81%

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยได้พิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องจำนวน 10,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 129 ล้านบาท หรือ 1.29% จากไตรมาสก่อน เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม รองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และสถานการณ์ในอนาคตยังคงเผชิญความท้าทายจากทั้งในและนอกประเทศที่มีความผันผวนสูง กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารในไตรมาส 3 ปี 2568 จึงมีจำนวน 13,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 519 ล้านบาท หรือ 4.16% 

ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,436,648 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 95,694 ล้านบาท หรือ 2.20% เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ปรับปรุงใหม่ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนสุทธิ ซึ่งเป็นการลงทุนตามการคาดการณ์ภาวะตลาดและทิศทางอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลง เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ โดยธนาคารยังคงมุ่งเน้นการขยายสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินทรัพย์ และการเพิ่มผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยงให้เหมาะสม ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.19% ซึ่งยังคงต้องดำเนินการติดตามคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังใกล้ชิดในภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 166.43% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 21.60%

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

กบข. จัดงาน “GPF Fund Fair 2025”

กบข. จัดงาน “GPF Fund Fair 2025” ที่กรุงเทพฯ ส่งเสริมให้สมาชิกวางแผนการเงินเพื่อเกษียณมีสุข

การบินไทย แจงเปลี่ยนกรรมการใหม่ ยึดประโชนย์ของบริษัท

การบินไทย แจงเปลี่ยนกรรมการใหม่ 1 ใน 3 ที่ครบ 3 ปี และอยู่ในตำแหน่งนานที่สุด ยึดหลักกฎหมายและประโยชน์ของบริษัท

กรุงไทย คว้า 9 รางวัล Marketing Excellence Awards 2025

กรุงไทยคว้า 9 รางวัล Marketing Excellence Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านกลยุทธ์การตลาดระดับสากล

ทรู คอร์ปอเรชั่น เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ สูงสุด 3.50%

ทรู คอร์ปอเรชั่น เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 4 - 10 ปี ผลตอบแทนคงที่สูงสุด 3.50% ต่อปี ตอบโจทย์การลงทุนที่มั่นคง รับเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง