แบงก์ชาติ เดินหน้าค้ำประกันสินเชื่อ SME ตั้งเป้า 1 แสนล้าน

Date:

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ ร่วมกับกระทรวงการคลัง และธนาคารพาณิชย์ เดินหน้าโครงการกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ ‘SMEs Credit Boost’ เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน หนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 

นายวิทัย กล่าวว่า ภายใต้ภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตช้า หนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข คือ การหดตัวต่อเนื่องของสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs ที่ติดลบ 13 ไตรมาสติดต่อกัน จากทั้งความต้องการสินเชื่อธุรกิจที่ลดลง และความระมัดระวังของธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อเพราะต้นทุนความเสี่ยงด้านเครดิต (credit cost) เพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อสนับสนุนให้สินเชื่อธุรกิจกลับมาขยายตัวได้และช่วยประคับประคองเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีกลไกที่ช่วยแชร์ความเสี่ยงด้านเครดิตจากการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่มีศักยภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม

กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จึงร่วมกันผลักดัน ‘โครงการกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ : SMEs Credit Boost’ ที่เป็นกลไกค้ำประกันความเสี่ยงสำหรับ ‘สินเชื่อใหม่’ ที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยให้ธุรกิจกลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุม (1) SMEs ในภาคธุรกิจภายใต้โครงการ Reinvent Thailand (เช่น การท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ เกษตรและเกษตรแปรรูป ยานยนต์และชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และการค้า รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ของอุตสาหกรรมข้างต้น) และโลจิสติกส์ และ (2) SMEs และธุรกิจรายใหญ่  ที่มีแผนว่าจะนำสินเชื่อที่ได้รับไปใช้ยกระดับศักยภาพธุรกิจหรือพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน (เช่น ด้านดิจิทัลเทคโนโลยี การดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมแห่งโลกอนาคต) หรือเสริมสร้างมูลค่าเพิ่ม (value added) ต่อเศรษฐกิจไทย

ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนของโครงการจะมาจากการปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ปี 2569 ของธนาคารพาณิชย์ประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดตั้งเป็นกลไกค้ำประกันสินเชื่อ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้มีสินเชื่อปล่อยใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 ล้านบาท ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

โครงการ SMEs Credit Boost ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด ‘ตรงจุด มี impact กระจาย คล่องตัว’ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

• ตรงจุด เน้นให้สินเชื่อใหม่แก่ SMEs ในภาคธุรกิจเป้าหมาย หรือผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เพื่อให้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า 

• มี impact ช่วยให้มีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยไม่ช้า โดยกำหนดวงเงินชดเชยสูงสุด ในช่วง 15-30% (ขึ้นกับขนาดของผู้ประกอบการ) ของยอดสินเชื่อปล่อยใหม่แก่ผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายในช่วง 2 ปีนับจากวันเริ่มโครงการ ระยะเวลาการค้ำประกันสูงสุด 7 ปีนับจากวันปล่อยสินเชื่อ ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 5 เท่า ของวงเงินชดเชย 

• กระจาย เน้นช่วย SMEs และกระจายความช่วยเหลือไปยังผู้ประกอบการได้หลายราย จึงกำหนดวงเงินสินเชื่อรวมทุกธนาคารพาณิชย์สูงสุดต่อรายไม่เกิน 100 ล้านบาทสำหรับ SMEs และไม่เกิน 150 ล้านบาทสำหรับธุรกิจรายใหญ่

• คล่องตัว ธนาคารพาณิชย์บริหารจัดการสินเชื่อได้คล่องตัวเพราะทราบโควตาวงเงินชดเชย ที่ได้รับการจัดสรรอย่างชัดเจน ณ วันปล่อยสินเชื่อ อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการการขอรับเงินชดเชยภายในโควตาได้สะดวก จากกระบวนการขอรับเงินชดเชยที่ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องรองบประมาณจากภาครัฐ 

โครงการนี้จะช่วยเสริมการดำเนินงานของโครงการค้ำประกันสินเชื่อโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อ และสนับสนุนการยกระดับศักยภาพทางธุรกิจ อันจะส่งผลบวกไปยังการจ้างงาน การสร้างรายได้ และการลงทุน ซึ่งจะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ระบบเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการโครงการได้ตั้งแต่ 15 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ อนุทิน ถึงบุรีรัมย์ ควงเนวิน บวงสรวงรัชกาลที่ 1

นายกฯ อนุทิน ถึงบุรีรัมย์ ควงเนวิน บวงสรวงรัชกาลที่ 1 ปิดทองฐานฉัตรแก้ว ต้นที่ 37 ตรงเลขปาร์ตี้ลิสต์ ภท. เสริมสิริมงคล ส่งท้ายปี

ศูนย์ราชการ เดินหน้าสู่เมืองคาร์บอนต่ำ

ศูนย์ราชการ ใช้พลังงานสะอาด — ไฮโดรเจนขับเคลื่อนศูนย์ราชการ สู่เมืองคาร์บอนต่ำของอนาคต

นายกฯ อนุทิน บินติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา

นายกฯ อนุทิน บิน 3 จังหวัดอีสานใต้ ปฏิบัติภารกิจติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา

แบงก์ชาติ สั่งตรวจเข็ม ธุรกรรมเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศ

แบงก์ชาติ ยกระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกรรมเงินตราต่างประเทศขาเข้า