นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 จำนวน 3,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องมาจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคที่กลับมาขยายตัวอีกครั้งตามแผนการขยายสาขา “สมหวัง เงินสั่งได้” อีกทั้งธุรกิจนายหน้าประกันภัยเริ่มมีการฟื้นตัว ตามการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) ปรับลดลง สอดรับกับคุณภาพสินทรัพย์ของพอร์ตสินเชื่อที่ปรับตัวดีขึ้น โดยกลุ่มทิสโก้ มีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำที่ 2.2% ของสินเชื่อรวม และยังคงรักษาระดับเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่แข็งแกร่งที่ถึง 253%
อย่างไรก็ตามธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนอ่อนตัวลง ตามภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้ออำนวย โดยรายได้จากทั้งธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนมีการชะลอตัว รวมถึงผลกำไรจากเงินลงทุนที่ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า การเร่งตัวขึ้นอย่างมากของเงินเฟ้อที่มีแรงหนุนจากราคาพลังงานและราคาสินค้า จะส่งผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและทำให้รายได้ที่แท้จริงของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนปรับตัวลดลง นอกจากนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะอันใกล้นี้ ยังจะลดทอนความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางได้ ดังนั้นจึงถือเป็นปัจจัยความท้าทายของภาคธุรกิจที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด