เปิดศักยภาพแบรนด์ไทยบนเวทีโลก! จิม ทอมป์สัน

Date:

อุตสาหกรรมสิ่งทอไทยยืนหยัดในฐานะหนึ่งในเสาหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยมูลค่าส่งออกที่พุ่งทะยานถึง 6,064.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างการจ้างงานกว่า 402,000 คนใน 2,607 โรงงานทั่วประเทศ จากข้อมูลของรายงานสถิติสิ่งทอไทย 2566/2567 โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ทว่าแรงขับเคลื่อนสำคัญของวงการนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือความสามารถในการปรับตัวและสร้างสรรค์ผลงานที่สอดรับกับดีมานด์ใหม่ ๆ ของผู้บริโภค ท่ามกลางกระแสเปลี่ยนแปลงนี้ คำถามสำคัญที่วงการต้องเผชิญคือ แบรนด์สิ่งทอไทยจะยืนหยัดและผงาดบนเวทีโลกได้อย่างไร ในยุคที่การแข่งขันไม่ได้อยู่แค่เรื่องราคา แต่คือการสื่อสารอัตลักษณ์ สร้างประสบการณ์ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคทั่วโลก

หนึ่งในแบรนด์ที่ร่วมผลักดันศักยภาพของผ้าไทยมาอย่างต่อเนื่องคงหนีไม่พ้น จิม ทอมป์สัน ย้อนกลับไปในยุคที่โลกยังไม่รู้จักคำว่า “Thai Silk” ชายชาวอเมริกันนามว่า เจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน ทอมป์สัน อดีตเจ้าหน้าที่โอเอสเอส หรือซีไอเอในปัจจุบันคือผู้เปลี่ยนโฉมหน้าผ้าไหมไทยจากผ้าท้องถิ่น สู่แฟชั่นไอเทมระดับโลก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาไหมไทย” โดยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จิม ทอมป์สัน ได้ทำความรู้จักและร่วมงานกับชุมชนบ้านครัวเพื่อผลิตผ้าไหม ต่อมาได้เพิ่มเทคนิคการย้อมไหมด้วยสีเคมีและสีธรรมชาติให้ผ้าไหมมีเฉดสีสดใสแปลกใหม่ และในปี ค.ศ. 1951 แบรนด์ จิม ทอมป์สัน ภายใต้ บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น จากนั้นจึงมีการขยายฐานการผลิตไปที่จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความตั้งใจในการสานต่อศิลปะการทอผ้าแบบดั้งเดิม จิม ทอมป์สัน นำเทคนิคโบราณมาผสานเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการผ้าไหมโดยได้พาไหมไทยเข้าสู่ตลาดสิ่งทอระดับโลก ตลอด 74 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เดินหน้าขยายขอบเขตธุรกิจ จากผ้าไหมสู่ผลิตภัณฑ์และบริการไลฟ์สไตล์ครบวงจร ภายใต้มาตรฐานคุณภาพระดับสากล

หนึ่งสิ่งสำคัญที่แบรนด์สิ่งทอยุคนี้ต้องเข้าใจคือ ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้ต้องการแค่สินค้า แต่มองหาคุณค่า วิสัยทัศน์ และคุณภาพจากแบรนด์ โดย WISESIGHT Research ได้เปรียบเทียบพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของแต่ละเจเนอเรชัน และพบว่า Gen X ต้องการสินค้าที่คุ้มค่า ทนทาน และให้ความสำคัญกับคุณภาพ ส่วน Gen Y มองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และให้ความสำคัญกับคุณค่าและประสบการณ์ โดยมักเลือกแบรนด์จาก “ค่านิยม” ที่ตรงกันมากกว่าราคา ขณะที่ Gen Z กล้าเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ทั้งยังสนใจประเด็นเรื่องความยั่งยืนและแบรนด์ที่โปร่งใส พูดจริงทำจริง จากอินไซต์ทั้งสามเจเนอเรชัน จะเห็นว่าทุกกลุ่มต่างมองหาคุณภาพและตัวตนที่ชัดเจนของแบรนด์ และนี่คือจุดที่ จิม ทอมป์สัน ตอบโจทย์ได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมสิ่งทอที่ปลดล็อกขีดจำกัดของผ้าไหมแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็น Easy Care นวัตกรรมผ้าไหมซักง่ายด้วยเครื่อง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ตลอดจน AQUASILK® คอลเลกชันสวิมแวร์จากนวัตกรรมผ้าไหมผสมไนลอนที่แห้งไว ตอบโจทย์กีฬาทางน้ำและแอ็กทีฟไลฟ์สไตล์

ไม่เพียงเท่านั้น จิม ทอมป์สัน ยังขยายศักยภาพของโลกแห่งผ้าผ่านการจับมือกับวงการอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การร่วมกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ทำมือสัญชาติไทยอย่าง Kitt.Ta.Khon ร่วมออกแบบเก้าอี้และตกแต่งด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าตกแต่งที่ทนทานและใช้งานนอกบ้านได้ รวมถึงการนำผ้าไหมมารังสรรค์เครื่องประดับแสนประณีตกับแบรนด์ไทยดังไกลระดับโลกอย่าง Sarran และการจับมือกับพันธมิตรอย่าง การบินไทย เพื่อนำเสนอ Amenity Kit ในชั้น Royal Silk จากผ้าของจิม ทอมป์สัน เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักเดินทางทั่วโลก รวมไปถึงการทำแคมเปญ Artists in Residence เพื่อรังสรรค์คอลเลกชันแฟชั่นร่วมกับศิลปินคนไทยรุ่นใหม่ นำเสนอสไตล์ที่สดใหม่และผลักดันวงการศิลปะให้เฟื่องฟูไปด้วยกัน 

ในฐานะแบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกจากเมืองไทยที่ครอบคลุมทั้งแฟชั่น สินค้าผ้าตกแต่ง ตลอดจนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ทุกย่างก้าวของจิม ทอมป์สัน มักเป็นที่จับตาของวงการ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่สินค้าแฟชั่นและผ้าตกแต่งได้โลดแล่นอยู่ในซีรีส์สุดฮอตอย่าง The White Lotus 3 จนกลายเป็นกระแสไวรัลทั่วโลก ไปจนถึงการเผยโฉมคอลเลกชันผ้าตกแต่งที่งาน Paris Déco Off งานโชว์เคสสิ่งทอสุดยิ่งใหญ่ที่คนในวงการตกแต่งภายในทั่วโลกรอคอยทุกปี โดยสินค้าผ้าตกแต่งบ้านของจิม ทอมป์สันได้ส่งออกไปมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีโชว์รูม 5 แห่งในกรุงเทพฯ ลอนดอน ปารีส นิวยอร์ก และแอตแลนต้า และมีโรงแรมกว่า 20 แห่งที่ติดอันดับ The World’s 50 Best Hotels เลือกใช้ผ้าตกแต่งของ จิม ทอมป์สัน นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ผ้าของแบรนด์ยังประดับตกแต่งสเปซในโรงแรมชั้นนำ โครงการเรสซิเดนซ์ และโปรเจกต์ระดับไฮเอนด์อีกหลายร้อยแห่งทั่วโลก  โดยสินค้าผ้าตกแต่งของจิม ทอมป์สัน ให้ความสำคัญกับการเชิดชูและสานต่อเทคนิคงานหัตถศิลป์ดั้งเดิมของไทย อาทิ คอลเลกชัน Matmi II ที่สืบสานการมัดย้อมแบบไทยโดยช่างฝีมือท้องถิ่น รวมถึงการพัฒนาเส้นใยผ้าให้มีคุณสมบัติพิเศษ อาทิ ไม่ลามไฟ สะท้อนน้ำ หรือการใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% ที่สะท้อนน้ำ ป้องกันรังสียูวี และคงสีสันสดใสอยู่เสมอ

ในปี 2568 จิม ทอมป์สัน ได้ปักหมุดหมายสำคัญมากมาย อาทิ การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเตรียมนำเสนอ Jim Thompson Heritage Quarter ให้เป็นหนึ่งในจุดหมายท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมไทยกับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสการสืบสานวัฒนธรรมไทยในมิติของประวัติศาสตร์ แฟชั่น และอาหาร ที่จิม ทอมป์สัน ได้รวบรวมมาไว้ในไลฟ์สไตล์แลนด์มาร์กแห่งเดียว

จิม ทอมป์สัน กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของวงการสิ่งทอเมืองไทย ที่กล้าคิด กล้าทลายกรอบ และกล้าสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ด้วยคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ ภายใต้ดีเอ็นเอที่ชัดเจนในการสานต่อมรดกวัฒนธรรมให้เข้ากับบริบทยุคใหม่ ในโลกที่ทุกแบรนด์ต้องสร้างความแตกต่างด้วยการเล่าเรื่อง จิม ทอมป์สัน พิสูจน์ให้เห็นว่าความ “Proudly Made in Thailand” บนเวทีสากลเป็นอย่างไร

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

อลิอันซ์ อยุธยา พลิกเกมสื่อสารตลาดประกัน เปิดตัว ‘ตรงไป ตรงมา’

อลิอันซ์ อยุธยา พลิกเกมสื่อสารตลาดประกัน เปิดตัว ‘ตรงไป ตรงมา’ ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์ที่เน้นความโปร่งใส มุ่งสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว

อาหารแปรรูป อร่อยง่าย เสี่ยงตายเร็ว

สภาพัฒน์ เผยบทความ อาหารแปรรูป อร่อยง่าย เสี่ยงตายเร็ว

DMT คว้า 100 คะแนนเต็ม AGM Checklist ปี 2568

DMT คว้า 100 คะแนนเต็ม AGM Checklist ปี 2568 ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน สะท้อนความโปร่งใส

คปภ. ขับเคลื่อนเยาวชน Gen Z สู่ต้นแบบการขับขี่อย่างมีวินัย

คปภ. จับมือสถาบันการศึกษาจังหวัดปราจีนบุรี จัดกิจกรรม Road Safety Week ขับเคลื่อนเยาวชน Gen Z สู่ต้นแบบการขับขี่อย่างมีวินัย