Traveloka เผยไทย-อินโดนีเซีย ครองแชมป์จุดหมายท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

Date:

ข้อมูลล่าสุดจาก Traveloka ชี้ให้เห็นว่านักเดินทางชาวไทยให้ความสนใจกับประสบการณ์ด้านสุขภาพภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน เป็นตัวเลือกยอดนิยมรองลงมาในภูมิภาค แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาด Wellness ระดับโลกของไทย

จากข้อมูลการค้นหาบนแพลตฟอร์มของ Traveloka (ทราเวลโลก้า) พบว่าประเทศไทยครองส่วนแบ่งการค้นหามากกว่า 50% ของประสบการณ์เชิงสุขภาพทั้งหมด โดยกรุงเทพมหานครได้รับความนิยมสูงสุดในด้านสปาและบริการดูแลสุขภาพ รองลงมาคืออินโดนีเซียที่มีสัดส่วนการค้นหากว่า 30% โดยมีบาหลีเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม นอกจากนี้ ประเทศในภูมิภาคอย่างเวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน ก็ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการการท่องเที่ยวเพื่อดูแลตัวเองทั้งใกล้บ้านและในภูมิภาค

ผลการค้นหาดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาล่าสุดของ Traveloka ในหัวข้อ “การท่องเที่ยวในมิติใหม่: ทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” ซึ่งรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 12,000 คนจาก 9 ประเทศ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศไทยกว่า 2,000 คน พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทย 70% ชื่นชอบการท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า โดย 35% ระบุว่าการพักผ่อนและเติมพลัง (rest and recharge) เป็นแรงจูงใจหลักในการเดินทาง ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาหมวดหมู่ที่สำรวจทั้งหมด

เทรนด์นี้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมเชิงสุขภาพในประเทศไทย โดยในปี 2567 อุตสาหกรรมสร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาทภายในปี 2570 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี 7–10% ตามรายงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) Wellness Tourism คาดว่าจะเติบโตเร็วกว่า Medical Tourism (การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์) กว่า 3–4 เท่า ทั้งจากความต้องการในประเทศและระดับโลก

กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต นำยอดค้นหาประสบการณ์ Wellness

ประสบการณ์เชิงสุขภาพในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นที่ต้องการสูงสุด รองลงมาคือ เชียงใหม่ ภูเก็ต อุบลราชธานี และพัทยา นักเดินทางไทยกำลังมองหาตัวเลือกใกล้ตัวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ในโอกาสพิเศษเท่านั้นโดยบริการยอดนิยมบนแอป Traveloka ในหมู่ผู้ใช้ชาวไทย ได้แก่

1 สปาและนวด นวดไทยซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติโดยยูเนสโก ยังคงดึงดูดความสนใจอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ร้านสปาในตัวเมืองต่าง ๆ ก็ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องการผ่อนคลายและคลายความเครียดอย่างรวดเร็ว

2 ออนเซ็นและน้ำพุร้อน ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น หรือบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งมีประวัติยาวนานและขึ้นชื่อในด้านการบำบัดสุขภาพและคุณค่าทางวัฒนธรรม ถือเป็นรากฐานสำคัญของการผ่อนคลายและการดูแลสุขภาพในญี่ปุ่นมาหลายศตวรรษ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นได้ก้าวข้ามพรมแดนและเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศไทย โดยมีทั้งบริการแช่แบบส่วนตัวและแบบรวมกลุ่มให้เลือกตามความต้องการ

3 ร้านเสริมสวย การทำเล็บ และการต่อขนตา เป็นกิจกรรมที่โดดเด่นของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยการดูแลความงามและการเสริมสวยในชีวิตประจำวันได้กลายเป็นประสบการณ์ที่นักเดินทางชาวไทยให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการตัดแต่งทรงผม การทำเล็บ ไปจนถึงการต่อขนตา ซึ่งทั้งหมดนี้ผสมผสานทั้งการดูแลตัวเองและความผ่อนคลายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

4 คลินิกแพทย์และความงาม ระบบสาธารณสุขของไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยคุณภาพมาตรฐานสูงที่นักเดินทางสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล คลินิกเหล่านี้ได้รับความนิยมทั้งในด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการให้บริการเสริมความงามหลากหลายรูปแบบ

5 การนวดกดจุดและประสบการณ์เฉพาะทาง ตั้งแต่สปากดจุดศีรษะ เลานจ์สำหรับงีบหลับชั่วคราว ไปจนถึงการดูแลสุขภาพตามภูมิปัญญาท้องถิ่น กิจกรรมด้านสุขภาพเฉพาะทางเหล่านี้กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น

    บาหลีขับเคลื่อนความนิยมในอินโดนีเซีย ขณะที่ประเทศอื่นตามมาติด ๆ

    บาหลียังคงเป็นเมืองหลวงด้านสุขภาพของอินโดนีเซีย ด้วยชื่อเสียงด้านสปาสุดหรู รีทรีตโยคะ การบำบัดแบบองค์รวม และการฟื้นฟูด้วยธรรมชาติ ทำให้ดึงดูดนักเดินทางชาวไทยที่มองหาประสบการณ์สุขภาพครบวงจร ขณะที่จาการ์ตาและสุราบายาก็มีความต้องการสูง โดยเฉพาะบริการนวดกดจุดและสปาในตัวเมือง

    แม้ ไทยและอินโดนีเซียจะครองใจนักเดินทางไทย แต่ประเทศอื่นก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน

    – ที่ ญาจาง เวียดนาม รีสอร์ตสปาแสนสงบริมชายหาดและบริการแบบองค์รวมกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตสำหรับคนรักการผ่อนคลาย

    – มาเลเซีย ก็มีครบ ทั้งรีสอร์ตสปาหรู ศูนย์สุขภาพในกัวลาลัมเปอร์ และการนวดสมุนไพรแบบดั้งเดิม ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาลองประสบการณ์สุดพิเศษ

    – ส่วน ญี่ปุ่นและไต้หวัน ต่างก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว ญี่ปุ่นเด่นเรื่องออนเซ็นและการนวดกดจุดผ่อนคลาย ส่วนไต้หวันโดดเด่นด้วยบริการความงามและทรีตเมนต์แบบมืออาชีพ

    ในฐานะแพลตฟอร์มการเดินทางครบวงจรชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Traveloka ช่วยให้นักเดินทางสามารถเปลี่ยนชีวิตประจำวันให้กลายเป็นช่วงเวลาการเติมพลังได้ ด้วยรายการพาร์ทเนอร์ที่คัดสรรมาอย่างดี ความพร้อมใช้งานแบบเรียลไทม์ รีวิวที่เชื่อถือได้ และคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของแต่ละคน ในปัจจุบัน การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตสมัยใหม่สำหรับผู้บริโภคชาวไทย และ Traveloka กำลังช่วยผลักดันให้การดูแลสุขภาพทั้งกายและใจกลายเป็นเรื่องจำเป็นในชีวิตประจำวัน

    เกี่ยวกับทราเวลโลก้า

    ทราเวลโลก้า (Traveloka) เป็นแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวครบวงจรชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เชื่อมโยงผู้คนนับล้านทั่วโลกด้วยประสบการณ์ระดับโลกที่มีคุณภาพ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2555 และให้บริการในประเทศออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม แอปพลิเคชันทราเวลโลก้ามียอดดาวน์โหลดกว่า 140 ล้านครั้ง และมีผู้ใช้งานประจำกว่า 40 ล้านคนต่อเดือน จึงนับเป็นแอปพลิเคชันบริการด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

    พันธกิจของทราเวลโลก้าคือการปฏิวัติอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ด้วยการให้บริการจองเที่ยวบิน ที่พัก และประสบการณ์ต่าง ๆ ที่สะดวกและใช้งานง่าย  เป้าหมายของเราคือช่วยเสริมศักยภาพด้านการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวโดยการนำเสนอแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมซึ่งช่วยให้นักเดินทางวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้นและได้รับประสบการณ์ที่เหนือระดับ ผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัยและวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า ทราเวลโลก้าตั้งใจสร้างนิยามใหม่ของการเดินทาง ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายและเพลิดเพลินมากขึ้น

    Share post:

    spot_img
    spot_img

    Related articles

    นายกฯ เชิญชวนประชาชนออกมาใช้ “คนละครึ่งพลัส”

    นายกฯ เชิญชวนประชาชนออกมาใช้ “คนละครึ่งพลัส” ยัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง บอก คนที่ตกหล่นได้รับสิทธิ์ในเฟส 2 แน่นอน

    รองโฆษกรัฐบาล ลงพื้นที่สำรวจตลาด “คนละครึ่งพลัส”

    รองโฆษกรัฐบาล ลงพื้นที่สำรวจตลาด “คนละครึ่งพลัส” อำเภอลำลูกกา วันแรก บรรยากาศคึกคัก คาดเงินสะพัดกว่า 8.8 หมื่นล้านบาท

    “พิพัฒน์” เผย คมนาคมเปิดใช้สิทธิ “คนละครึ่งพลัส”

    “พิพัฒน์” เผย คมนาคมเปิดใช้สิทธิ “คนละครึ่ง พลัส” รถ–ราง–เรือ–รถระหว่างจังหวัด ลดภาระค่าเดินทางประชาชน

    โฆษกรัฐบาล ชวนใช้จ่าย “คนละครึ่งพลัส” เริ่มแล้ววันแรก

    โฆษกรัฐบาล ชวนใช้ “คนละครึ่งพลัส”  29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 68  เริ่มแล้วเวลา 06.00 น. - 23.00 น. เชื่อเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปี