นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ว่า อ่านจากเฮดไลน์คร่าวๆเรื่องของการทุจริตในการประชุมของคณะกรรมการชุดใหญ่ในเรื่องนี้คงมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ยืนยันว่าต้องตอบคำถามเรื่องนี้ให้ได้
นายเศรษฐา กล่าวว่า ระมัดระวังเรื่องการทุจริตจากการทำโครงการอยู่แล้ว อย่างที่เรียนจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการ มีกลไกที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ หลังจากนั้นคงมีการแถลงใหญ่
เมื่อถามว่าเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณทาง ป.ป.ช. แนะให้กลับมาใช้งบประมาณประจำปีปกติ ดีกว่าการออก พ.ร.บ.กู้เงิน นายเศรษฐา กล่าวว่า อันนี้เดี๋ยวต้องไปคุยกัน ก็เพิ่งทราบเหมือนกัน ยังไม่ได้คุยเลย ต้องดูความเหมาะสมก่อน ส่วนข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. ถึงขั้นให้ปรับเกณฑ์แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางหรือผู้มีรายได้น้อย ต้องไปดูเรื่องของหน้าที่ และสิ่งที่ ป.ป.ช.บอกมาว่าอย่างไรและเหตุผลคืออะไร ซึ่งก็ต้องดูหน้าที่ของ ป.ป.ช.คือการตรวจสอบ ทุจริตประพฤติมิชอบใช่หรือไม่ ส่วนนโยบายว่าจะให้ใครบ้างเป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องคำนึงถึงและน้อมรับคำและข้อสังเกตเรื่องของการทุจริต ตนเน้นตรงนี้ดีกว่าที่เกี่ยวข้องกับทาง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช.สบายใจว่าตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
“อย่างที่บอกเรื่องของคนเปราะบางเริ่มจากวันแรกที่เราพูดคุยกันแล้วว่า ตรงไหนคือเปราะบาง ตรงไหนคือไม่เปราะบาง ถ้าผมบอกว่าต่ำกว่า 20,000 บาทเปราะบาง ถ้าสูงกว่า 20,000 บาทไม่เปราะบาง หากคุณได้เงินเดือน 20,000 บาทคุณจะโต้เถียงหรือไม่ เพราะผมก็เปราะบางเหมือนกัน ผมก็มีหนี้เยอะต้องการ การกระตุ้นเหมือนกันใช่ไหมครับ อันนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหมือนกัน ฉะนั้นทาง ป.ป.ช.หน้าที่ของท่านที่เสนอมาในเรื่องของการทุจริตต้องระมัดระวังตรงนี้ น้อมรับครับ” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่าจุดหนึ่งในเรื่องการหาเสียงบอกว่าจะไม่กู้ แต่สุดท้ายประกาศออก พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการดังกล่าวตรงนี้จะอธิบายอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องอธิบายให้ได้และต้องอธิบายให้เข้าใจ ขอดูทางออกสุดท้ายก่อน เมื่อถามว่า ความเห็นของ ป.ป.ช.แบบนี้ไม่ได้ทำให้รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนความคิดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันทุกความเห็นเราต้องมาคำนึงถึงใหม่หมด
เมื่อถามว่ายังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะฝ่าวิกฤตความเห็นต่างตรงนี้ไปได้ และสามารถแจกเงินดิจิทัลได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าเป็นเรื่องสำคัญในสังคมไทย เราเองเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง มีพี่น้องประชาชนให้การสนับสนุน ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่สังคมต้องยอมรับได้ ความเห็นต่างเป็นเรื่องที่เราต้องบริหารความคาดหวังซึ่งกันและกัน ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและความไม่ก้าวร้าวซึ่งกันและกัน ฉะนั้นตรงนี้ต้องบริหารกันไป
เมื่อถามว่ารู้สึกเหมือนถูกบีบให้ถอยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ ที่ต้องบริหารจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว