ภาษีไวน์ สุราแช่ และสถานบริการ เฮ ได้ลดภาษี กระตุ้นท่องเที่ยว

Date:

กรมสรรพสามิต สนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้วยมาตรการด้านภาษีปรับลดอัตรา ภาษีไวน์ และสปาร์กลิ้งไวน์ พร้อมนำนวัตกรรมการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี

ตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ตามที่กรมสรรพสามิต ภายใต้สังกัดกระทรวงการคลังได้เสนอ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567  นั้น 

ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ โดยการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต ภาษีไวน์ สุราแช่ และสถานบริการในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศและภาพลักษณ์การเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว (Tourist Destination) หรือเป็นศูนย์กลาง (Hub)

ด้านร้านอาหารและภัตตาคารที่มีคุณภาพ สร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและเสริมจุดแข็งด้านราคาในระดับภูมิภาค นำไปสู่การเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยทุกระดับ และเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงให้แวะเวียนมาเที่ยวและใช้จ่ายกันได้อย่างยั่งยืน มีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีรายละเอียดการจัดเก็บอัตราภาษี ดังนี้

ภาษีไวน์ และฟรุตไวน์

– ไวน์และสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่น เดิมเก็บภาษีตามมูลค่า ราคาขายปลีกแนะนำเกิน 1,000 บาท ที่ 10% และราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 1,000 บาท ที่ 0% ปรับเป็นจัดเก็บอัตราเดียวที่ 5% และปรับลดอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ จาก 1,500 บาทต่อลิตรที่ 100 ดีกรี เหลือ 1,000 บาทต่อลิตรที่ 100 ดีกรี

– ฟรุตไวน์ หรือสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่น หรือไวน์องุ่น เดิมเก็บภาษีตามมูลค่า ราคาขายปลีกแนะนำเกิน 1,000 บาท ที่ 10% และราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 1,000 บาท ที่ 0% ปรับลดเหลือ 0 % ทั้งหมด และอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ เป็นอัตราเดิม 900 บาทต่อลิตรที่ 100 ดีกรี

สุราแช่

– สุราแช่พื้นเมือง เช่น อุ กะแช่ สาโท ที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 7 ดีกรี  เดิมเก็บภาษีตามมูลค่า ที่ 10% ปรับลดเหลือ 0% ขณะที่ภาษีตามปริมาณเก็บในอัตราเท่าเดิม 150 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ที่ 100 ดีกรี

– สุราแช่ที่มีสุรากลั่นผสมและมีแอลกอฮอล์เกิน 7 ดีกรี  ให้เก็บภาษีตามมูลค่า ที่ 10% เท่าเดิม และปรับขึ้นภาษีตามปริมาณจากเดิม 150 บาทต่อลิตรที่ 100 ดีกรี เป็น 255 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ที่ 100 ดีกรี

สถานบริการ

– สถานบริการ หรือหย่อนใจ อาทิ ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับบาร์ ค็อกเทลเลาจน์ ฯลฯ นั้น มีการปรับลดอัตราภาษีจาก 10% เป็น 5% ของรายรับ ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 31 ธันวาคม 2567

ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าสุราแช่นั้น จะส่งผลทำให้ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความเหมาะสม เป็นสากล และช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายในภาพรวมของประเทศ เนื่องจากเป็นมาตรการที่จูงใจด้านราคาเพื่อให้เกิดการบริโภคของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในการใช้จ่ายซื้อสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม

รวมถึงการตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายแห่งการท่องเที่ยวและใช้เวลาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น

สำหรับในส่วนของการปรับลดอัตราภาษีให้สถานบริการ จะเป็นมาตรการระยะสั้น มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการกิจการสถานบริการที่ได้รับผลกระทบจากโควิดได้กลับมาฟื้นตัว และส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น 

ดร. เอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสรรพสามิตเดินหน้ายกระดับการบริการที่ตรงใจ อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามายกระดับการชำระภาษีให้มีความสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งจะมีการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ลดขั้นตอน ลดเอกสาร เพื่อสร้างความเป็นสากลตามยุทธศาสตร์ของกรมสรรพสามิตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สร้างมาตรฐานสากล เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

AWC เดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพ

AWC เดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพ ร่วมมือ A49 พันธมิตรสถาปนิกชั้นนำ  สร้างสถาปัตยกรรมมาตรฐานระดับโลกควบคู่ศิลปวัฒนธรรมไทย

กลุ่มบริษัท ดาว ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดโพลิสไตรีน

กลุ่มบริษัท ดาว ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดโพลิสไตรีน เผยนวัตกรรมวัสดุคาร์บอนต่ำคุณภาพสูง ชูไทยเป็นฐานผลิตระดับโลก

ด่วน กองทุนอนุรักษ์ฯ ขยายเวลาให้ยื่นข้อเสนอจัดสรรทุนถึง 17 ก.ย. 68

ด่วน กองทุนอนุรักษ์ฯ ขยายเวลาให้ยื่นข้อเสนอจัดสรรทุนถึง 17 ก.ย. 68 พร้อมเปิดให้ยื่นลงทะเบียน Admin เพิ่มเติมรอบ 3

บ้านปู ครึ่งปี 68 ทำรายได้ 84,543 ล้านบาท

บ้านปู ครึ่งปี 68 ทำรายได้ 84,543 ล้านบาท กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 19,144 ล้านบาท