นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า
“ว่าแต่เขาอิเหนาทำเอง”
จากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทย ตอนสมัยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2566 มีหลายคนรู้สึกตื่นเต้นว่า เป็นนโยบายใหม่ทันสมัย มัดใจคนไทยได้ ต้องการให้คะแนนแลนด์สไลด์ หวังจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แพ้ให้กับพรรคก้าวไกล ที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ1
แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตได้ชะลอออกไป และเลื่อนไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ได้เปลี่ยนจากแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นแจกเงินสดแทน จากความหวังที่ให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 รอบ จนกลายมาเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ เพราะเป็นการแจกเงินสดๆ เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย เคยออกมาปรามาสว่า รัฐบาลที่แจกเงินเป็นรัฐบาลปัญญาอ่อน แต่ตอนนี้รัฐบาลเพื่อไทยก็แจกเงินสดเช่นเดียวกัน จึงไม่แน่ใจว่าปัญญาอ่อน หรือปัญญานิ่มกันแน่
ยังมีอีกหลายนโยบายที่พรรคเพื่อไทยคัดลอกนโยบายจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ซึ่งล่าสุดนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลกำลังปัดฝุ่นโครงการคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่พรรคเพื่อไทยเคยโจมตีสมัยเป็นฝ่ายค้าน แต่วันนี้ก็หยิบฉวยออกมาต่อยอดเป็นนโยบายต่อ
ซึ่งไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยรู้สึกเหนียมอายต่อคำที่เคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายที่ผ่านมา การนำนโยบายคนละครึ่งมาปัดฝุ่นและดำเนินการต่อ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีและควรจะทำมากกว่าการแจกเงินสดให้กับประชาชนใช้จ่ายอย่างอิสระ ซึ่งไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือหมุนเวียนของเศรษฐกิจ4รอบ ตามราคาคุย ส่วนใหญ่ก็จะใช้จ่ายหมดภายในรวดเร็ว ซึ่งต่างกับนโยบายคนละครึ่ง ซึ่งสามารถบริหารการใช้จ่ายได้ ในช่วง3-4เดือน ซึ่งสามารถทำให้เงินสะพัดและหมุนเวียนได้ในระยะยาวมากกว่า
ผมเชื่อว่ายังมีนโยบายอื่นๆอีกหลายนโยบาย ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เคยวิพากษ์วิจารณ์ไว้ และในที่สุดก็นำเอามาใช้ต่อ ซึ่งแบบนี้เขาเรียกกันว่า “ว่าแต่เขาอิเหนาทำเอง”