นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นสักขีพยานพิธีลงนาม MOU การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคลและการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาบัญชีม้านิติบุคคลตามขอบข่ายภารกิจของหน่วยงานที่จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด สร้างความมั่นใจให้นิติบุคคลไทยและปิดวงจรมิจฉาชีพไม่ให้มีโอกาสมาหลอกคนไทยอีก!
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ณ กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีนโยบายในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเน้นให้ความสำคัญกับมาตรการการตรวจสอบและปราบปรามบัญชีม้า ซึ่งเป็นช่องทางหลักการหลอกลวงรับเงินของมิจฉาชีพ โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเรื่องดำกล่าวอย่างเร่งด่วนและรายงานผลให้ ครม.ทราบภายใน 30 วัน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) มอบหมายให้ผมเป็นประธานอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลหรือนิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมในการประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเป็นตัวเป็นตัวแทนอำพรางหรือนอมินีเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
โดยในวันนี้กระทรวงพาณิชย์ มีการลงนามความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดยท่าน พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันในการป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคลและการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญอย่างมาก
นายนภินทร กล่าวว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพได้เปลี่ยนวิธีการการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยใช้วิธีจดทะเบียนนิติบุคคลและนำหลักฐานการจดทะเบียนนิติบุคคลไปเปิดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้านิติบุคคล) และนำบัญชีม้านิติบุคคลนั้น มาใช้เป็นบัญชีรับเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการหลีกเลี่ยงการจดทะเบียนนิติบุคคลโดยการหลีกเลี่ยงกฎหมายการจดทะเบียนของคนต่างด้าว ปัจจุบันพบว่ามีบัญชีม้าที่เป็นนิติบุคคล 602 บัญชี สร้างมูลค่าความเสียหาย 680 ล้านบาท แล สิ่งเหล่านี้รัฐบาลให้ความสำคัญและตระหนัก ความเสียหายเช่นนี้เกิดขึ้นกับคนไทย ที่ประกอบอาชีพสุจริต การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นจุดเริ่มต้นของการจดทะเบียนนิติบุคคลซึ่งสร้างความเชื่อถือให้กับบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะบุคคลต่างประเทศก็ดีเพราะฉะนั้นจะต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้มีการจดทะเบียนที่รัดกุมขึ้น ผมได้กำชับให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งตรวจสอบนิติบุคคลที่มีความเสี่ยง พร้อมทำงานจดทะเบียนธุรกิจอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น และปิดโอกาสไม่ให้มิจฉาชีพนำความน่าเชื่อถือจากการจดทะเบียนนิติบุคคลมาใช้หลอกลวงประชาชนได้ และเร่งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดได้ทันที
การลงนามบันทึกความตกลงในวันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญในการใช้อำนาจที่ต่างฝ่ายต่างมีอำนาจรัฐมาร่วมกันเพื่อป้องความเสียหายที่เกิดขึ้น ป้องปรามผู้กระทำความผิดที่มีความคิด วางแผน เตรียมการให้หยุดกระทำและปราบปรามผู้กระทำความผิด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้นเพื่อให้คนไทยนั้นอยู่ดีมีสุข นี่คือเรื่องสำคัญที่รัฐบาลให้ความเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ด้าน พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้กล่าวถึงการร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ภายใต้ MOU ฉบับนี้กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลางจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในมิติที่ลึกขึ้นในการสืบสวนสอบสวนการเปิดบัญชีม้าในรูปแบบนิติบุคคล และในกรณีที่มีคนไทยรับจ้างเป็นนอมินีให้แก่คนต่างชาติเพื่อเอื้อในการทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายหรือหลบเลี่ยงกฎหมายของไทย ที่ปัจจุบันพบการทำความผิดและได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลจากกรมฯ จะทำให้การสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ครบถ้วนขึ้น
“ผมขอขอบคุณกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ความร่วมมือในการทำงานครั้งนี้และหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่าการลงนามฉบับนี้เป็นการก้าวสำคัญในการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เสียหาย ลดความเดือดร้อนของสังคม ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นรูปธรรม” รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย