นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังการประชุมทั้งกมธ. สส.และสว. ที่ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันเรื่องสว.ยืนกรานทำประชามติ 2 ชั้น แต่สส.เห็นควรปรับให้กึ่งกลางเหลือแค่ชั้นครึ่ง เพราะกังวลว่าคนจะออกมาใช้สิทธิน้อย ส่งผลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านอาจมีปัญหานั้น ตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งมองว่า ทุกฝ่ายควรถอยคนละก้าวให้สามารถเดินหน้าไปได้ อยู่ในจุดกึ่งกลางสมดุลยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสามารถที่จะปรับแก้ไขกฎหมายให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้
ทั้งนี้นายธนกร มองว่า การทำประชามติยึดตามจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธ์ และคะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนที่ไม่แสดงความคิดเห็น หรือเรียกว่า ชั้นครึ่ง ตามที่สส.เสนอนั้น ตนเห็นด้วย โดยเฉพาะการลดงบประมาณแผ่นดินที่จะใช้ในการทำประชามติครั้งนี้ ขอสนับสนุนเรื่องการออกเสียงประชามติผ่านทางไปรษณีย์ แต่ต้องทำให้เกิดความโปร่งใส รัดกุมรอบคอบ รวมถึงจำเป็นต้องมีการประชาสัมพันธ์ชี้แจงรายละเอียดให้ประชาชนเข้าใจล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ซึ่งสะดวกต่อการมาใช้สิทธิ์ เพราะไม่ต้องกลับภูมิลำเนาตัวเองสามารถออกไปใช้สิทธิ์ได้ทุกพื้นที่ นับว่าจะเป็นไปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมืองให้มากที่สุด
“มองว่า ถ้าฝืนเดินหน้าแบบต่างคนต่างไป เกิดความขัดแย้งแตกหัก ประเทศชาติจะได้อะไร อาจได้ไม่คุ้มเสีย ขอทุกฝ่ายมองภาพรวมให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศมาก่อน มากกว่ามองแค่มุมการเมือง แม้ว่าการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ หรือบางพรรคต้องการยกร่างฉบับใหม่ จะไม่ทันใช้ในการเลือกตั้งรอบหน้าที่คาดว่าจะเป็นปี 2570 ก็ตาม แต่ทุกขั้นตอนควรที่จะรับฟังเสียงความเห็นจากทุกฝ่ายให้ตกผลึก เกิดความรอบคอบ ที่สำคัญต้องเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชนในอนาคตด้วย ” นายธนกร กล่าว