
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก “ปั่นไปไหน – สมชัย ศรีสุทธิยากร” ระบุว่า
อัจฉริยะหรือฟั่นเฟือน
ใครก็ตามที่กล่าวคำใหญ่โตว่า จะให้มีการรับซื้อหนี้ประชาชนจากธนาคารโดยเอกชน เพื่อให้ประชาชนไม่เป็นหนี้ ไม่ติด black list ของเครดิตบูโร หากไม่อัจฉริยะเกินไป ก็คงสติฟั่นเฟือน
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยเมื่อปี 2567 คนไทยมีหนี้ครัวเรือนอยู่ 16.32 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 89.6 ของ GDP. ในขณะที่งบประมาณแผ่นดินปี 2568 มี 3.8 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 19.2 ของ GDP.
หากใช้งบประมาณแผ่นดินมาล้างหนี้ครัวเรือน แปลว่าต้องใช้งบต่อเนื่อง 4.6 ปี โดย ไม่มีการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ไม่มีโครงการลงทุนหรือใช้คืนหนี้ใด ๆ เลยในช่วงเวลาดังกล่าว
หากให้เอกชนมารับซื้อหนี้ สมมติให้บริษัทที่ใหญ่ระดับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของประเทศ ที่มีสินทรัพย์รวมประมาณ 500,000 ล้านบาท ต้องใช้บริษัทขนาดใหญ่เท่าขนาดดังกล่าว 32 บริษัทมาดำเนินการ จึงจะสามารถทำได้
แล้วเอกชนที่มารับซื้อหนี้ คิดดอกเบี้ยไหม หากคิด ก็เหมือนธนาคาร และยังผิด พรบ. ธุรกิจสถาบันการเงิน เพราะท่านไม่ใช่ธนาคาร จะให้กู้และเก็บดอกเบี้ยเหมือนธนาคารไม่ได้
ฟังเพลิน ฟังแล้วอึ้ง ทึ่งในความเป็นอัจฉริยะ อย่าลืมไปบอกคนในครอบครัวให้ทำให้ได้ด้วย