
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟสบุ๊ก “กรณ์ จาติกวณิช – Korn Chatikavanij” ระบุว่า
จะเกิดอะไรขึ้นหาก Trump ประกาศใช้ Tariff ทางการเงิน (capital control)?!
เริ่มมีการตั้งประเด็นว่าทีมทรัมป์อาจไม่หยุดที่การตั้งภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ แต่อาจจะเก็บภาษีจากการนำเข้าเงินจากต่างประเทศด้วย
ฟังแล้วอาจจะคิดว่าบ้าจนเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะอเมริกาพึ่งพาเงินมหาศาลจากต่างประเทศเพื่อการชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการขาดดุลการค้า หากไปเก็บภาษีเงินเข้า แล้วอเมริกาจะอยู่อย่างไร?
แต่ในชุดความคิดทรัมป์ เขาอยากให้ดอลล่าร์อ่อน เพราะมองว่าเมื่อดอลล่าร์อ่อน การผลิตจะย้ายกลับมาอยู่ที่อเมริกา ซึ่งในระยะยาวจะทำให้อเมริกาแข็งแรงขึ้น
และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ในส่วนของภาระหนี้ของอเมริกา ทรัมป์อาจจะแม้แต่ ‘เบี้ยวหนี้‘ ด้วยการปรับการคืนหนี้พันธบัตรรัฐบาล (treasuries) บางส่วนให้เป็น perpetual bond หรือบอนด์ร้อยปี (คือจากที่ต้องคืนเงินต้นเมื่อหมดอายุตามที่กำหนดไว้ ปรับเป็นไม่มีวันหมดอายุ)
ทรัมป์ทำเรื่องแบบนี้จนชินแล้วในฐานะนักธุรกิจ จึงมีคนคิดว่าเขาอาจทำเรื่องแบบนี้ในฐานะประธานาธิบดีได้เหมือนกัน อาจมองว่าคนชักดาบคือคนเก่งด้วยซ้ำไป
ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทรัมป์หลายคนมีความคิดแนวนี้ และเมื่อไม่กี่ปีมานี้เพิ่งเคยมีความพยายามเสนอกฎหมายแนวนี้มาแล้วในสภา congress โดยเป็นการเสนอร่วมระหว่าง สส. จากพรรคเดโมแครทและพรรครีพับลิคัน ชื่อกฎหมายคือ “Competituve dollar for Jobs and Prosperity Act” หลักๆคือการเสนอให้เก็บภาษีจากทุนที่เข้าประเทศ
ส่วนใหญ่คนในวงการประเมินว่าคงไม่เกิดขึ้น เพราะทรัมป์เองยังต้องการรักษาความเป็นหนึ่งของเงินดอลล่าร์ไว้อยู่ และยิ่งหากมีการปรับเงื่อนไขชำระหนี้ อาจส่งผลรุนแรงเกินกว่าที่จะรับมือได้
แต่ก็อย่างว่า ภาษีการค้าทำมาแล้ว คงไม่มีใครกล้าเดิมพัน 100% ว่าภาษีทุนนำเข้าจะไม่มีวันเกิด
ถามว่ารับมืออย่างไร อันนี้ตอบยาก แต่หากเกิดขึ้นจริง ราคาทองคำพุ่งแน่นอน
แบงค์ชาติรายงานว่าคนไทยฝากเงินในบัญชี FCD (บัญชีสกุลเงินต่างประเทศใน) 2.8 ล้านบัญชี (!!) เป็นเงินรวม 26,000 ล้านดอลล่าร์ ส่วนแบงค์ชาติเองก็ถือพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอยู่ประมาณ 244,000 ล้านดอลล่าร์ อาจต้องคิดเผื่อไว้บ้าง
ส่วนรัฐบาล ขอบอกว่าช่วงนี้ความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง กระสุนต้องเก็บไว้บ้าง