นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสั่งการให้ควบคุมและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วนให้เห็นผลภายใน 30 วัน นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนและร้านค้ารอบสถานศึกษา เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของประชาชน ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขานรับนโยบายและสั่งการให้กรมศุลกากรเร่งดำเนินการตามนโยบายข้างต้น ซึ่งกรมศุลกากรได้เพิ่มความเข้มงวดเพื่อตอบสนองนโยบายอย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าทุกช่องทาง รวมถึงการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งที่ผ่านมายังสามารถจับกุมการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าได้จำนวนมาก
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ ได้เรียกประชุมสำนักงานและด่านศุลกากรทั่วประเทศ เพื่อเน้นย้ำนโยบายในการควบคุมและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า และกำหนดมาตรการเพิ่มเติม โดยให้ความสำคัญในการจัดทำฐานข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดเป้าหมายที่มีความเสี่ยงให้แม่นยำสูงสุด เมื่อได้เป้าหมายแล้ว ให้มีการตรวจสอบทางกายภาพอย่างเข้มข้น และให้เพิ่มการลาดตระเวนตามพื้นที่เสี่ยง รวมถึงการเข้าตรวจค้น ณ สถานประกอบการที่คาดว่าจะมีการจัดเก็บหรือจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ขอให้ทุกสำนักงานและด่านศุลกากร ทำการบูรณาการงานกับหน่วยงานภายในและภายนอกกรมศุลกากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาและจับกุมการลักลอบตามแนวชายแดน รวมถึงให้มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกกับภาคเอกชนให้เกิดการตระหนักรู้ถึงบทลงโทษหากกระทำความผิด อีกทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
ในการสกัดกั้นการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า โดยขณะนี้ กรมศุลกากรได้ประสานกับศุลกากรต่างประเทศเพื่อขอความร่วมมือด้านข้อมูลการส่งออกบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำหนดนโยบายการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักรอีกด้วย
