
ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมสรรพสามิตลงพื้นที่บริษัทขนส่งเพื่อติดตามการปราบปรามบุหรี่เถื่อน ตามนโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์” พร้อมขยายผลจับกุมสินค้าผิดกฎหมายทั่วประเทศ เพื่อตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต
ดร. เผ่าภูมิ กล่าวว่า ในวันนี้ได้ลงพื้นที่ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อติดตามการลักลอบขนส่งสินค้าที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิตผ่านบริการขนส่งพัสดุ โดยเฉพาะสินค้าบุหรี่ ซึ่งภายหลังจากที่ได้กำชับให้กรมสรรพสามิตดำเนินงานตามนโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์” เดินหน้าจับกุมและปราบปรามอย่างจริงจัง มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี โดยเฉพาะตามเส้นทางบริเวณชายแดนที่นำเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ หรือการขายสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีบนเครือข่ายออนไลน์ การเพิ่มศักยภาพด้วยการใช้เทคโนโลยี และการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการตรวจสอบเส้นทางการขนส่งสินค้า รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน
จากนโยบายดังกล่าว เจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 3 และสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมา ได้บูรณาการการปฏิบัติงานปราบปรามร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานไปรษณีย์เขต 3 นครราชสีมา หลังจากได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการลำเลียงสินค้าผิดกฎหมายที่สั่งซื้อจากช่องทางออนไลน์มาทางภาคใต้ผ่านบริษัทขนส่ง จึงเข้าตรวจสอบพัสดุ ณ สำนักงานไปรษณีย์ พบพัสดุต้องสงสัย จำนวน 1,269 กล่อง ภายในบรรจุบุหรี่ที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิต จำนวน 92,637 ซอง ประมาณการค่าปรับ เป็นเงินจำนวน 87,264,054 บาท จึงได้นำของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจอหอ จ.นครราชสีมา และเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป และในส่วนของการลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการติดตามขยายผลการขนส่งสินค้า โดยบูรณาการปฏิบัติงานปราบปรามร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ พบของกลางบุหรี่ที่ไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติมอีก จำนวน 15,243 ซอง ประมาณการค่าปรับ เป็นเงินจำนวน 14,358,906 บาท จากการดำเนินการปฏิบัติงานปราบปรามผ่านช่องทางการขนส่งดังกล่าว พบบุหรี่ที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิต ทั้งสิ้น 107,880 ซอง ประมาณการค่าปรับ รวมเป็นเงินจำนวน 101,622,960 บาท
ดร. เผ่าภูมิฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานสำคัญในการป้องกันและปราบปรามไม่ให้สินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิตจำหน่ายไปสู่พี่น้องประชาชน โดยขอให้ช่วยกันยกระดับการ บูรณาการด้านข้อมูลและด้านความร่วมมือการปฏิบัติงานด้านการปราบปราม ไม่ให้มีการขายสินค้าผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นการสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริตและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย