
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟสบุ๊ก “กรณ์ จาติกวณิช – Korn Chatikavanij” ระบุว่า
เรื่องที่ท่านนายกฯ ใช้ตั๋ว PN ซื้อหุ้นจากครอบครัว มีคำถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่?
ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สรรพากรหรือปปช. จะเป็นผู้ตอบได้ คุณวิโรจน์เองยังใช้คำว่า ‘ใช้ช่องว่างทางกฎหมาย‘ แสดงว่าผู้อภิปรายก็ไม่ได้ฟันธงว่าผิดแบบขาวแบบดำ
ประเด็นที่ทำให้มีข้อกังขาคือทำไมตั๋ว PN ไม่มีการระบุว่าต้องชำระหนี้เมื่อใด แถมไม่มีภาระดอกเบี้ยด้วย เหมือนกับเป็นหนี้เทียม
หากถามว่าผิดปกติหรือไม่ คงต้องตอบว่าในทางธุรกิจผิดปกติแน่นอน แต่ก็อาจจะอธิบายได้ว่าเป็นธุรกรรมภายในครอบครัว ลูกสาวขอติดเงินไว้ก่อน ก็ไม่ผิดปกติที่จะบอกเขาว่า ‘ไม่เป็นไร มีเมื่อไรค่อยเอามาใช้’ ส่วนการไม่คิดดอกเบี้ยกับลูกก็เข้าใจได้ (ส่วนกรณีนี้สมเหตุสมผลหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
ส่วนนายกฯได้ชี้แจงว่า ’เดี๋ยวปีหน้าก็จะเคลียร์หนี้แล้ว’ ซึ่งแน่นอนเมื่อเคลียร์ก็ต้องมีภาระภาษีเกิดขึ้นกับผู้ขายทันที และได้ชี้แจงว่าหนี้ส่วนนี้ก็ได้มีการรายงาน ปปช. มาตลอด ถือว่าครบถ้วนตามที่ควรจะต้องชี้แจงในการอธิบายตน (ขาดเพียงว่าทำไมตอนรับโอนถึงมีความไม่พร้อมที่จะชำระ?)
ต่อคำถามว่าที่จะเคลียร์เป็นเพียงเพราะถูกอภิปรายหรือไม่ เราไม่สามารถตอบได้ แต่ถ้าเคลียร์หนี้จริง ฝ่ายค้านจะพิสูจน์เจตนาตามที่กล่าวหาไว้อย่างไร? ผมมองไม่เห็นตรงนี้
หากจะลงเอยด้วยการเคลียร์หนี้แบบนั้น แม้ว่าเดิมอาจไม่ได้คิดจะมีการชำระหนี้แต่อย่างใด อย่างน้อยการอภิปรายก็มีส่วนทำให้รัฐได้เงินภาษีเพิ่มขึ้นหลายร้อยล้านบาท และเปิดประเด็นให้ประชาชนประเมินเองว่าเชื่อใคร
อธิบดีสรรพากร งานเข้า อิ๊งค์ ส่อเลี่ยงภาษี
กรมสรรพากร รายงานว่า นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ยกเลิกการเป็นประธานและแถลงข่าว ในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การให้บริการภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการ (D-VAT & SBT Workshop) ในวันอังคารที่ 25 มีนาคม 2568 เวลา 12.00 – 16.00 น. ณ ห้องบอลรูม บี โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว กรุงเทพฯ เนื่องด้วยอธิบดีติดภาระกิจด่วนต้องไปสภา
ผู้สื่อข่าวรายงาน อธิบดีกรมสรรพากร ยกเลิกหมายงานของกรมกรทันหัน เนื่องจากไม่ต้องการตอบสื่อเรื่อง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกฝ่ายค้านอภิปรายในสภาว่า อาจจะมีพฤติกรรมเลี่ยงการจ่ายภาษี จากการได้หุ้นจากบุคคลในครอบครัว โดยทำนิตกรรมอำพรางซื้อขาย เพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีเงินที่จากการรับให้ ตามกฎหมายของกรมสรรพากร
ทั้งนี้ นายปิ่นสาย สุรัสวดี เป็น ลูกชายของนายปลอดประสพ สุรัสวดี สมาชิกพรรคเพื่อไทยคนสำคัญคนหนึ่ง ที่มีบทบาททางการเมืองเบื้องหลังและเบื้องหน้ามาตลอด
ฝ่ายค้านแฉ อิ๊งค์ เลี่ยงเสียภาษี
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. พรรคประชาชน ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงหนีไม่จ่ายภาษี จากการได้หุ้นมาจากบุคคลในครอบครัวรวมกันกว่า 4 พันกว่าล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นางแพทองธาร ได้ทำนิติกรรมซื้อขายหุ้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้น หรือ ตั๋ว PN ให้กับบุคคลในครอบครัวที่ให้หุ้นมา โดยไม่มีการการกำหนดเวลาใช้คืน และไม่มีการคิดดอกเบี้ย
“การทำนิติกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าว เป็นการนิติกรรมอำพราง เพื่อกลบเกลื่อนการได้หุ้นจากบุคคลในครอบครัว เพื่อเลี่ยงภาษีการรับให้จากการได้มาหุ้นมาจากคนในครอบ เป็นภาษีที่ควรจ่ายให้กรมสรรพการถึง 218 ล้านบาท” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวว่า จะยื่นเรื่องดังกล่าวให้อธิบดีกรมสรรพากรตรวจสอบ หากยืนยันว่าการโอนหุ้นของนายกฯ ไม่ได้เป็นการเลี่ยงภาษี ก็จะได้ให้คนอื่นที่จะโอนหุ้นทำเป็นแบบอย่าง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการเสียภาษี
“นายกฯ ที่มีพฤติกรรมการเลี่ยงภาษี ไม่ควรเป็นนายกฯ ของประเทศอีกต่อไป โดนจะต้องมีการร้องเรื่องนี้ไปที่ ป.ป.ช. เรื่องจริยธรรม และส่งเรื่องให้ศาลฏีกาวินิฉัยการเป็นนายกฯ“ นายวิโรจน์ กล่าว
อิ๊งค์ ยันไม่เคยเลี่ยงภาษี
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงที่ถูก นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. พรรคประชาชน ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่ามีการเลี่ยงเสียภาษีนั้น ไม่เป็นความจริง ยืนยันมีการเสียภาษีถูกต้อง และแม้ว่าจะอายุน้อยแต่เชื่อว่าเสียภาษีกว่าท่าน
นายกฯ แจงว่า ปี 2559 ,uการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของคนในครอบครัว ตนในฐานะผู้ซื้อหุ้นจากบุคคลในครอบครัว ได้มีการออกตั๋ว PN มีการติดอากรแสตมป์ถูกต้องตามกฎหมาย การใช้วิธีนี้เนื่องจากตอนนั้นยังไม่มีความพร้อมที่จะจ่ายเป็นเงินสด ซึ่งได้มีการหารือกันภายในครอบครัวว่า จะมีการชำระเงินจริงภายในปีหน้า และหากมีภาระภาษีต้องเสียก็จะดำเนิกการให้ถูกต้อง
“การซื้อหุ้นจากคนในครอบครัว โดยการออกตั๋ว PN ไม่ได้เป็นนิติกรรมอำพรางเพื่อเลี่ยงการเสียภาษี วิธีการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนก็ทำกัน” นางแพทองธาร กล่าว
ส่วนที่ผู้อภิปรายมองว่า วิธีการออกตั๋ว PN ซื้อหุ้นของดิฉัน จะถูกนำเป็นแบบอย่างให้ข้าราชการทำการทุจริต มองว่าเป็นเรื่องที่จินตนาการมากไป
นายกฯ กล่าวว่าชี้แจงกรณีที่ดินอัลไพน์ ว่า ครอบครัวของดิฉันซื้อที่ดินถูกทุกแปลง ที่ดินที่ซื้อทุกแปลงเป็นที่ดินมีฉโนดที่ออกโดยหน่วยของรัฐ ไม่สามารถไปแทรกแซงข้าราชการทำในเรื่องไม่ถูกได้ ซึ่งเรื่องที่ดินนี้ นายกฯ บอกว่าจะชี้แจงในอนาคตเพิ่มเติม
นายกฯ อิ๊งค์ หนีภาษีจริงหรือ? จุดเสี่ยงทำ หลุดจากเก้าอี้ โดนดำเนินคดีอาญาหลายกระทง
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง วิเคาะห์ นายกฯ อิ๊งค์ หนีภาษีจริงหรือ? จุดเสี่ยงทำ หลุดจากเก้าอี้ โดนดำเนินคดีอาญาหลายกระทง
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า
นรม.หนีภาษีจริงหรือ?
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร.อภิปรายว่า นรม.แพทองธาร
“ได้ทำนิติกรรมอำพราง ยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี”
นรม.ลุกขึ้นชี้แจงเพียง 10 วินาที เลียนแบบที่พลเอกประวิตรเคยกล่าวตอบในอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตว่า
”ไม่เป็นความจริง“
ต่อมา นส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ พปชร. ได้เปิดเผยเอกสารราชการที่ นรม. ยื่นต่อ ปปช. โดยระบุว่า
“บัญชีแสดงรายการหนี้สินอื่นจำนวนกว่า 4,434 ล้านบาท หนี้สินนี้ประกอบไปด้วยหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระค่าหุ้นให้กับพี่น้องเครือญาติและบุคคลในครอบครัวของนายกฯ
ซึ่งจากการตรวจสอบตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว ทั้ง 9 ฉบับเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ล้วนเป็นตัวสัญญาใช้เงินที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา ชำระหนี้คืนและไม่มีการคิดดอกเบี้ย
ซึ่งกรณีนี้ตนเองไม่เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีมีเจตนาที่จะผ่องถ่ายทรัพย์สินโอนหุ้นกันระหว่างเครือญาติหรือไม่
เพราะโดยปกติในการกู้ยืมเงินกัน หรือการซื้อขายกันหากมีการกู้ยืมเงินกันจริงก็ต้องมีการกำหนดระยะเวลาใช้คืน และมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้”
สำหรับเรื่องนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร พรรคประชาชน อภิปราย โดยมุ่งเป้าตั้งคำถามการหนีภาษีของนายกฯ
“นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หุ้นมาจากกงสี พี่สาว พี่ชาย พี่สะใภ้และแม่ มูลค่าสูง 4,434.5 ล้านบาท
แล้วสร้างธุรกรรมการซื้อปลอม ติ๊งต่างทำเป็นซื้อ เพื่อเปลี่ยนจากการได้หุ้นมาเป็นการซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยง ‘ภาษีการรับให้’
โดยนายวิโรจน์อ้างว่า เมื่อคำนวนการหนีภาษีของแพทองธารได้หุ้นจากกงสี ต้องเสียภาษีการรับให้ 218.7 ล้านบาท
หากนำมาอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ จะดูแลได้ถึง 5,000 คน เป็นค่าอาหารกลางวันเด็ก 30,000 คนต่อปีการศึกษา เบี้ยผู้สูงอายุตลอดทั้งปี มากกว่า 3.5 แสนคน“
นอกจากนี้ ในประเด็นเรื่องนี้ นส.พิมพ์พร อภิปรายด้วยว่า
ถ้าหากสมมุติเป็นการซื้อขายโดยสุจริต
ตาม ปพพ. มาตรา 7 นรม. ยังต้องจ่ายภาษีจากประโยชน์ที่ได้รับจากการออกตั๋วไม่มีดอกเบี้ย ได้ถึง 3% ต่อปี ซึ่งเป็นเงิน 130 ลบ./ปี
ถ้านับสะสมจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นจำนวนเงินเกือบพันล้านบาท
แต่ไม่ปรากฏว่า นรม. ได้แจ้งผลประโยชน์นี้ต่อกรมสรรพากรเพื่อเสียภาษีเงินได้ ใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ดี ผมไม่คิดว่า นรม. จะมีการหนีภาษี เพราะจะทำให้ท่านต้องพ้นตำแหน่งทั้งด้านจริยธรรม และยังจะมีความผิดอาญาอีกหลายกระทง
จึงขอเชียร์ให้ นรม. ชี้แจงต่อสภาให้ชัดเจน ว่า ข้อมูลจากเอกสารราชการเหล่านี้
”ไม่เป็นความจริง“
อีกประเด็นหนึ่ง คือข้อมูลจาก สำนักข่าวอิสรา ระบุว่า
นรม. มีการโอนหุ้นบริษัท ในวันที่ 4 ก.ย. จำนวนเงิน 224.1 ลบ ในวันที่ 5 ก.ย. จำนวนเงิน 169.4 ลบ และในวันที่ 19 ส.ค. จำนวนเงิน 19.99 ลบ
แต่ในรายการทรัพย์สิน หน้า 5 ข้อ 2 รายได้จากทรัพย์สิน ไม่ปรากฏว่า นรม. รายงานรายได้จากการโอนหุ้น 3 บริษัทดังกล่าว
จึงอาจเข้าข่าย เป็นการรายงานที่ไม่ถูกต้อง หรืออาจเป็นการโอนให้บุคคลอื่นถือหุ้นแทน ใช่หรือไม่?
ประเด็นนี้ก็เช่นกัน ต้องระวังว่า อาจจะทำให้ท่านต้องพ้นตำแหน่งทั้งด้านจริยธรรม และยังจะมีความผิดอาญาอีกหลายกระทง
จึงขอเชียร์ให้ นรม. ชี้แจงต่อสภาให้ชัดเจน ว่า ข้อมูลจากเอกสารราชการเหล่านี้
”ไม่เป็นความจริง“