
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ แถลงถึงสาเหตุการเลื่อนเจรจากับสหรัฐฯว่า เพราะขอรอดูสถานการณ์ก่อน โดยต้องการศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ไม่อยากไปเจรจา โดยที่ไม่มีการเตรียมตัวให้รอบด้าน
“พูดตรง ๆ นะ เราขอว่าอย่าให้เร็วกว่าคนอื่น และอย่าช้ากว่าคนอื่น เร็วไปก็ไม่ดี ถ้าช้ากว่าคนอื่นก็ไม่ดี เหมาะสมที่สุด คือดูก่อนว่าหัวขบวนเขาโดนอะไรบ้าง กลางขบวนโดนอะไรบ้าง เราอยู่กลาง ๆ เกือบท้ายเราจะได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไร จริง ๆ เขาอยากให้ไป อยากให้ทุกคนไป เพียงแต่จะจัดคิวอย่างไร ส่วนผมอาจต้องละเอียดรอบคอบหน่อย” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ในระหว่างนี้ที่เหลือเวลาอีกประมาณ 70 วัน เชื่อว่าทุกคนร้อนใจ จึงแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วนในระดับปฏิบัติการ คือ ส่วนที่อยู่ในสหรัฐฯ นำโดยเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐฯ ร่วมกับทีมจากประเทศไทย ประสานกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน นอกเหนือจากข้อเสนอของฝั่งไทย และ เพื่อให้ทราบในสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการอย่างแท้จริง
นายพิชัย กล่าวว่า นอกจากนี้การทำงานในประเทศไทยระดับบริหาร ที่ต้องติดตามสถานการณ์ กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเกิดผลกระทบ แบ่งเป็นเรื่องการเงิน ต้องหารือกับแบงก์ชาติและสถาบันการเงินว่าจะแก้ไขอย่างไร ส่วนเรื่องการฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบที่เกิดการส่งออก การผลิต ลงไปถึงระดับแรงงาน ต้องหารือกับสภาพัฒน์ฯ จะรับมือและมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร รวมถึงเรื่องปฏิรูป คือการปรับปรุงกำหนดหลักเกณฑ์กติกาการส่งออก ให้เกิดความรวดเร็ว โปร่งใส ในลักษณะที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ หรือ วิน-วิน แต่ต้องเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ
นายพิชัย กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้หนึ่งในประเด็นที่คาดว่า สหรัฐฯ มีความกังวล และจะหยิบยกขึ้นมาพูดคุยคือเรื่องของค่าเงิน เมื่อสหรัฐฯต้องการส่งออก จึงหวังว่าประเทศต่าง ๆ จะไม่เข้าไปแทรกแซงค่าเงิน และอีกเรื่องคือการสวมสิทธิส่งออกสินค้า ที่จะต้องหารือหลักเกณฑ์ให้ตรงกันทั้งสองฝ่ายว่ามีข้อกำหนดวิธีการเงื่อนไขอย่างไร ที่จะชี้วัดว่า สินค้าใดเป็นสินค้าสวมสิทธิ ดังนั้น จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเดินทางไปเจรจาในช่วงใด ต้องดูสถานการณ์ที่เหมาะสมก่อน เพราะการเจรจาดังกล่าว เหมือนการเจรจาธุรกิจ ตนเองขอใช้ประสบการณ์ส่วนตัวเข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้