
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการหารือระดับสูงนักลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย ในงาน “Prime Minister Meets Investors: Confidence in Thailand’s Future – Prime Minister’s Dialogue with Global Investors” ว่า รัฐบาลไทยได้เชิญผู้บริหารระดับสูงจาก 31 บริษัทชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง รวมถึงแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดิจิทัล และอุตสาหกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ โดยทุกบริษัทมีการลงทุน รวมถึงการขยายการลงทุนขนาดใหญ่ในไทยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5.5 แสนล้านบาท มีการจ้างงานรวมกว่า 53,000 ตำแหน่ง มาร่วมแลกเปลี่ยนและสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนและการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญนี้ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 19%
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ความพยายามของรัฐบาลในการชักจูงการลงทุน ไม่เพียงขับเคลื่อนกลไกทางเศรษฐกิจด้านการลงทุนและการจ้างงานเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดผลกระทบทั้งด้านสังคม เกิดการถ่ายทอดความรู้ ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาในการสร้างบุคลากรที่มีทักษะสอดรับกับความต้องการของอุตสหากรรมยุทธศาสตร์ เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง รวมถึงแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ และดิจิทัล นอกจากนี้ ยังเกิดการถ่ายทอดความรู้และความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรในการเพิ่มผลผลิตและการเพาะปลูกที่สอดคล้องกับมาตรฐานของโลก สร้างความสามารถในการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ โดยนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า โดยภายหลังการหารือกับนักลงทุนทั้ง 31 บริษัทนี้ ตนจะร่วมเป็นพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บีโอไอ และผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ชั้นนำระดับโลก 6 ราย ซึ่งมีเงินลงทุนรวมกว่า 51,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษาให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรม โดยความร่วมมือนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานทันที 1,880 อัตรา รวมกันไม่น้อยกว่า 3,000 อัตราภายใน 5 ปี เกิดการพัฒนาหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถานศึกษาอาชีวะและภาคอุตสาหกรรม ความร่วมมือนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่านอกจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่จะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศแล้ว ยังเกิดการยกระดับพัฒนาบุคลากรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนระดับอาชีวะ พร้อมยกระดับทักษะให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ซึ่งในกลุ่มนี้มีทั้งบริษัทPCB ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และผู้นำของไทยร่วมลงนามในครั้งนี้ด้วย
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า การลงทุนจากบริษัทระดับโลกเหล่านี้ ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโต สร้างรายได้หมุนเวียนภายในประเทศหลายแสนล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังช่วยต่อยอดไปยังภาคเกษตรกรรม การศึกษา และธุรกิจท้องถิ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม