
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 สิงหาคม ที่ประเทศมาเลเซีย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยวิสามัญ (จีบีซี) ตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนเป็นประธานประชุมจีบีซีสมัยวิสามัญ ร่วมกับพล.อ.เตีย เสรย-ฮา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างฉันมิตร นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยินดีที่เห็นการหยุดยิง และความคืบหน้าที่ดีในการหารือกรอบจีบีซีไทยกัมพูชาในครั้งนี้ ซึ่งเป็นก้าวที่สำคัญในการปฏิบัติตามการหยุดยิง โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ยืนหยัดชัดเจนว่าท่านได้หารือกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ และเห็นตรงกันว่าการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไทย ซึ่งมาเลเซียจะเพียงช่วยประสานงานให้ทั้งสองฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหากันเอง โดยมีอาเซียนสนับสนุน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยินดีที่จะให้การประชุมจีบีซีครั้งนี้ ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันในเรื่องคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ที่จะนำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียและประกอบด้วยผู้ช่วยทูตทหารจากสมาชิกอาเซียนเท่านั้น โดยสหรัฐอเมริกากับประเทศจีนไม่เข้าร่วม แต่ยินดีสนับสนุนตามที่ไทยและกัมพูชาเห็นสมควร
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาในระดับนโยบายได้แสดงให้เห็นความจริงใจต่อมาตรการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ และตนขอสรุปผลการประชุมสำคัญครั้งนี้ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกัน 1.ทั้งสองฝ่ายตกลงจะยึดมั่นในการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยในการหยุดยิงนั้นต้องครอบคลุมอาวุธทุกประเภทและทั้งสองฝ่ายคงกำลังไว้ในที่ตั้งเดิมตั้งแต่วันที่หยุดยิง โดยไม่มีการเสริมกำลังเข้าไปเพิ่มเติม 2.ให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศอาเซียน ประจำประเทศไทยและกัมพูชา นำโดยผู้ช่วยทูตทหารของมาเลเซียเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยจะไม่มีการข้ามแดนและมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค(อาร์บีซี) และคณะจีบีซีในแต่ละประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดการหยุดยิงโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า 3.ทั้งสองฝ่ายจะหลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นการยั่วยุทั้งในทางทหารและการให้ข้อมูลบิดเบือนหรือข่าวเท็จ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพูดคุยเพื่อหาทางออกโดยสันติ 4.ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดโดยในระยะเวลาเฉพาะหน้าคือการเร่งเก็บและส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศอย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี สำหรับการส่งกลับเชลยศึกตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศให้ส่งกลับทันทีที่มีการยุติการใช้กำลังระหว่างกันโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 โดยระหว่างนี้ตนได้ยืนยันว่าฝ่ายไทยได้ให้การดูแลบุคคลเหล่านี้ตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน
พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า 5.ทั้งสองฝ่ายจะรักษาช่องทางการพูดคุยและการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นไม่ให้ลุกลามบานปลาย โดยหลังจากนี้จะมีการประชุมอาร์บีซีภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อประสานงานการปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ นอกจากนี้จะมีการประชุมจีบีซีอีกครั้งในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการจากการประชุมในครั้งนี้
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า นอกจากนี้ตนนั้นได้หยิบยกอีกสองประเด็นที่สำคัญแต่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้ตอบรับ โดยขอให้การประชุมครั้งนี้เน้นเรื่องการหยุดยิงก่อน และขอให้กลับนำไปหารือในการประชุมจีบีซีในครั้งต่อไป ได้แก่ 1.ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความตึงเครียด จนนำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน ในเรื่องนี้ฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีการปะทะและพื้นที่อื่นๆตลอดแนวชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย 2.ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์หรือออนไลน์สแกม ซึ่งส่งผลต่อพี่น้องประชาชนคนไทยและประชาชนในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าสิ่งที่สองฝ่ายได้หารือและเห็นพ้องร่วมกันในวันนี้ จะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมได้ต้องอาศัยความร่วมมือและความจริงใจของทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในการให้ความร่วมมือและการพูดคุยอย่างสุจริตใจและจริงใจต่อไปบนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้วไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรหมแดนติดกัน และจะย้ายหนีจากกันไม่ได้ เราเป็นสมาชิกของครอบครัวอาเซียนด้วยกัน หากทั้งสองประเทศสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ก็จะนำสันติภาพมาสู่พื้นที่ชายแดนและประชาชนของทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติสุขอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการติดตามข้อตกลงหยุดยิงจะพิจารณาให้ประชาชนกลับบ้านอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ตนและรมว.กลาโหมกัมพูชาได้ลงนามบันทึกการประชุมไปแล้ว ซึ่งจะเป็นกรอบการประชุมอาร์บีซีที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์หน้า โดยจะลงรายเอียดภายในกรอบที่ตกลงกัน และหลังจากนั้นจะมีการประชุมจีบีซี ในเดือนกันยายน เพื่อติดตามผล แต่ในกรณีที่เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ มีการปะทะเกิดขึ้น จะมีการประชุมจีบีซีวิสามัญ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะกลับภูมิลำเนา ผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัดประสานกับผบ.หน่วยทหารในพื้นที่โดยตรง เนื่องจากสถานการณ์แต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน จังหวัดใดมีความพร้อมก็สามารถกลับภูมิลำเนาได้ แต่สิ่งที่กองทัพห่วงใย คือปัจจุบันมีกระสุนและจรวดที่ฝ่ายกัมพูชายิงมาตกในพื้นที่ชุมชน อาจจะยังหลงเหลืออยู่ จึงต้องเร่งสำรวจ