
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสคัดค้านเรื่องการเปิดด่านชายแดนไทย – กัมพูชา ว่า เรายังไม่เปิด เรารอฟังเสียงพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว คำว่าเปิดด่านจะต้องมีการทำข้อตกลงต่างๆ มากมาย ทั้งการเจรจา และทางการทหาร โดยจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนก่อนและความปลอดภัยของประเทศ ซึ่งจะต้องไม่มีการยิงกัน หรือมีอาวุธมาจ่อกัน เมื่อเราเข้าไปบริหารประเทศแล้ว ตนก็จะให้ข้อสั่งการหรือนโยบายกับรมว.กลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ไปดำเนินการ ทั้งการถอนอาวุธและกับระเบิด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเกิดความปลอดภัยกับผู้คนทั้ง 2 ประเทศ ฉะนั้นกว่าเราจะไปถึงจุดนั้นยังอีกไกล แต่เราก็ต้องไปถึงจุดนั้น จะให้เราทะเลาะกับเพื่อนบ้านชั่วกัลปาวสานคงเป็นไปไม่ได้ และการจะใช้มาตรการรุนแรง โดยไม่มีการเจรจาเลย เมื่อถึงเวลาต่างคนต่างถือทิฏฐินั้น การเจรจาก็ไม่ไปถึงไหน จึงต้องใช้ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ การพูดการทหาร การผ่อนคลาย และการกดดันต่างๆ
เมื่อถามว่า มีโอกาสจะได้เห็นนายกฯไทยกับนายกฯกัมพูชาเจอกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การเจอกันไม่ได้หมายความว่าต้องยอมกันหรือไม่ เพราะการเจอกันก็อาจทำให้บรรยากาศหลายอย่างหรือสิ่งที่พูดแล้วไม่เข้าใจกัน หาข้อสรุปบางอย่างได้ แต่สิ่งสำคัญคือเราจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบในความเป็นนายกฯของไทย โดยเรื่องเสียดินแดนไม่ต้องมาพูดกับตนอยู่แล้ว เรื่องที่จะทำให้คนไทยเป็นอันตราย ตนก็จะไม่ให้เกิดขึ้น
”เป็นนายกฯประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่นายกฯ ประเทศอื่น เพราะฉะนั้นต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย ของคนไทย เป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว“ นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าจะลงไปรับฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการเปิดด่านใช่หรือไม่ นายอนุทิน ร้องโธ่ พร้อมกล่าวว่า ”เรื่องลงพื้นที่ มีใครสู้ผมได้ ผมลงพื้นที่มาตั้งแต่เป็นรมว.สาธารณสุข และรมว.มหาดไทย ลงพื้นที่จนเขาเชิญออกจำไม่ได้หรือ ขยันจนถูกไล่ออก“
เมื่อถามว่าจะทันในระยะเวลา 4 เดือนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้นตราบใดที่เรายังอยู่ในขอบเขตอำนาจที่เรามี เราก็ต้องใช้อย่างเต็มที่ไม่อยู่ในจุดนี้แน่นอน แต่จะใช้ได้ขนาดไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์