
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการลงนามเอ็มโอยู แรร์เอิร์ธ กับสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนอยากทราบความชัดเจนว่า เป็นการลงนามว่าถ้าในอนาคตวันหนึ่งเกิดมีแร่อะไรในประเทศไทยขึ้นมาแล้วทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยเราก็อาจมีการศึกษาร่วมกัน และแสวงหาความร่วมมือร่วมกันกับสหรัฐฯในกรณีที่เขามีเทคโนโลยีที่ดีกว่าและมีช่องทางการตลาดที่มากกว่าแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเซ็นกับเขาฝ่ายเดียว และไม่ใช่เป็นเรื่องการให้สัมปทานเราถึงเซ็นเอ็มโอยู
“ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการให้สัมปทานรายเดียว ไม่มีผลผูกพันใดๆทางกฎหมาย ถ้าเราดูแล้ววันนั้นประเทศไทยทำได้เองมีช่องทางการตลาดเอง หรือมีช่องทางในการนำเทคโนโลยีมาทำได้เอง เราก็ยกเลิกเอ็มโอยูมาทำเอง”นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญทำไมไม่เปิดเผยก่อนการลงนาม นายอนุทิน กล่าวว่า เขาดำเนินการโดยผ่านการพูดคุยกันและทำความตกลงกันซึ่งทางกระทรวงต่างประเทศดำเนินการ เขาก็บอกว่าโอเคถ้าเราแสดงท่าทีที่เป็นมิตรก็จะได้ประโยชน์ต่อการขอความร่วมมือต่างๆจากสหรัฐฯ ยิ่งตอนนี้มีหลายเรื่องที่เราเจรจากับเขาอยู่ ถ้าเรามีท่าทีที่เป็นมิตรแล้วประเทศไทยไม่ได้เสียเปรียบก็อาจทำให้การเจรจาเรื่องการค้าเรื่องภาษีหรือเรื่องอื่นๆก็จะเป็นผลบวก
เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายมองว่ารัฐบาลลักไก่ไปลงนาม นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีครับลักไก่ ถ้าลักไก่จะผ่านมติครม.ได้อย่างไร เมื่อถามอีกว่าการลงนามครั้งนี้ถูกกดดันจากสหรัฐฯหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีครับไม่มีการกดดันใดๆ และไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อการรักษาสมดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจ เจอกับจีนก็อธิบายให้เขาฟัง เมื่อถามว่ามีสื่อบางสำนักออกมาตั้งข้อสังเกตุว่าการลงนามครั้งนี้แลกกับการซื้อเครื่องบิน 80 ลำ นายอนุทิน กล่าวว่า “โอ้ คงไม่ทันสมัยผมมั้ง ผมทำไมต้องทำเช่นนั้น ถ้าซื้อเครื่องบิน 80 ลำทำไมต้องไปเซ็นให้เขา เราเป็นผู้ซื้อ อันนี้มันเป็นเรื่องการแสดงท่าทีอันเป็นมิตรต่อกัน”




