
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชนร่วมโครงการ “เที่ยวดีมีคืน 2568” ซึ่งเริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างทั่วถึง โดยโครงการฯ ได้เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดา นำค่าใช้จ่ายด้านที่พักในโรงแรม โฮมสเตย์ไทย ที่พักที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าบริการของร้านอาหารที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาหักลดหย่อนภาษี ได้ไม่เกิน 20,000 บาท โดย 10,000 บาทแรกใช้ใบกำกับภาษีแบบกระดาษหรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice) และอีก 10,000 บาทใช้ e-Tax Invoice เท่านั้น ทั้งนี้ หากเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรอง จะได้รับสิทธิลดหย่อน 1.5 เท่า สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท (จากการจ่ายจริงไม่เกิน 20,000 บาท) ส่วนพื้นที่เมืองหลักนอกจากเมืองรอง ลดหย่อนได้ 1 เท่า สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท
ส่วนภาคธุรกิจนิติบุคคล บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการจัดอบรมหรือสัมมนาภายในประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว มาหักรายจ่ายได้เพิ่ม โดยต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ส่วนกรณีค่าขนส่ง อนุญาตให้จ่ายให้แก่ผู้ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ แต่ต้องมีใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เป็นหลักฐาน โดยสามารถหักรายจ่ายในเมืองรองได้ 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง และในพื้นที่เมืองหลักนอกจากเมืองรอง หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า มาตรการนี้ รัฐบาล มุ่งส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวสู่ 55 เมืองรองทั่วประเทศ เพื่อกระจายเม็ดเงินสู่พื้นที่ท้องถิ่นที่มีศักยภาพ แต่ยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าเมืองหลัก อาทิ ภาคเหนือ (เชียงราย น่าน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ฯลฯ) ภาคอีสาน (เลย สกลนคร บึงกาฬ, ร้อยเอ็ด ฯลฯ) ภาคกลาง (ลพบุรี สุพรรณบุรี นครนายก ฯลฯ) และภาคใต้ (ตรัง ระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช ฯลฯ)
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรม สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการต่อเติมหรือปรับปรุงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกิจการหักรายจ่ายได้ 2 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569 เพื่อยกระดับมาตรฐานบริการและความพร้อมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
“เที่ยวดีมีคืน 2568 เป็นมาตรการสำคัญของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ได้ผลในระยะยาว และกระจายพื้นที่ทั่วประเทศ รัฐบาลเชิญชวนประชาชนและผู้ประกอบการใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เพื่อร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจ รับประโยชน์จากมาตรการภาษี และส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายสิริพงศ์ ย้ำ




