
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งที่จะมาถึงว่าใครจะได้มาเป็นผู้นำ ถ้าเป็น 4 ปีที่ยังมีตนเป็นนายกฯ ประเทศไทยถ้าไม่ปังก็พัง เพราะจะเป็น 4 ปี ที่เราเปลี่ยนแปลงด้วยความรวดเร็ว ถ้ายืนอยู่ผิดที่หรือเดินช้าอาจจะพบกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ได้
นายกฯ กล่าวว่า 4 ปีข้างหน้าปัญหาไทย-กัมพูชาต้องจบได้แล้ว ความขัดแย้งไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น ฉะนั้น 4 ปีข้างหน้าตนตั้งเป้าไว้ว่าความสัมพันธ์ของไทยกับเพื่อนบ้านทุกประเทศ ถ้าเราดำเนินนโยบายการต่างประเทศของเราเช่นนี้จะต้องเป็นไปในทางบวกอย่างแน่นอน เราจะไม่เก็บปัญหาเหล่านี้ไว้บั่นทอนความเจริญก้าวหน้าของประเทศของเราอีกต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าเสถียรภาพทางการเมืองคือเงื่อนไขแรกของสภาพเศรษฐกิจ ปีหน้ามีเลือกตั้งแน่นอน ยิ่งกว่าแน่นอน เพราะคนเสนอยุบสภายืนอยู่ตรงนี้ และมันก็ต้องยุบ เพราะเราทำสัญญา MOA กับพรรคประชาชน(ปชน.) ว่าจะยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 ม.ค. 2569 แค่นี้หลายคนยังทนไม่ได้เลย อยากจะให้ยุบเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็พร้อม เพราะเรายังมีความท้าทายอีกมากมายที่บางครั้งมันไปด้วยรถคันนี้ไม่ได้ เราก็ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน ให้เขาตัดสินใจว่าจะให้ประเทศไทยเดินหน้าไปอย่างไร
แต่ถ้าเกิดยุบสภาก่อนวันที่ 31 ม.ค.2569 สิ่งที่เกิดขึ้นหลายๆ อย่างจะไม่ได้ทำที่มันสามารถทำได้ในยุคที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล สิ่งที่เราได้เตรียมไว้ที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศในระยะยาวคือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตนก็ต้องพยายามทำให้มันได้ เพราะพรรคประชาชนยอมให้ตนมาเป็นนายกฯเพื่อที่จะมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญในการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ซึ่งเราก็หวังว่าถ้าเราสามารถเดินไปในทางแนวนี้ได้ประเทศไทยจะมีโครงสร้างอำนาจที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่มีมาตรฐาน จะไม่มีใครมานั่งเถียงว่ารัฐธรรมนูญนี้ดีหรือไม่ดี มาจากรัฐประหารหรือมาจากอะไรก็แล้วแต่
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตอนนี้เราเอาทุกอย่างมารวมกันและมาช่วยกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา ซึ่งถ้าทำได้ไม่ต้องยุบสภาก่อน เราก็จะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ที่จะมีวาระ 1 วาระ 2 และวาระ 3 ถ้าไม่ต้องยุบสภาเสียก่อนภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2568 วาระ 3 จะเรียบร้อยก็เหลือไปตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้ายุบสภาก่อนเรื่องของการรัฐธรรมนูญก็จะไม่มีอีกแล้ว ก็จะต้องอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปจนกว่าจะมีกลไกทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้สิ้นสุดไป ก็ไม่น่าจะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในอนาคตของประเทศไทย
นายกฯ กล่าวว่า ในการบริหารของพวกตน คำว่าผู้นำไม่ใช่ผู้นำสูงสุดเท่านั้น คนที่เข้ามาเป็นหัวหน้าองค์กรทุกคนมีเทคนิคและมีความพร้อมทำงาน มีวุฒิภาวะ มีสติปัญญา มีประสบการณ์ มีความรู้ มีคุณสมบัติส่วนตัว และมีบารมีมากเพียงพอที่จะแสวงหาความร่วมมือร่วมกัน




