
นายอาร์ชวัส เจริญศิลป์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตอนรัฐบาลใหม่เริ่มเข้ามาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีความกลัวว่าเศรษฐกิจจะดิ่งเหว จึงเร่งออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิตระยะสั้นที่หวังให้ได้ผลระยะยาวไปพร้อมกันด้วย ทำให้ความกลัวนั้นหายไปได้เล็กน้อย โดยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคลังคาดว่าจีดีพีไตรมาส 4 ของปี 2568 โตได้ 1.8% และทั้งปีจีดีพีโตได้ 2.4%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยเจริญเติบโตได้อยู่จากการส่งออก ในช่วงต้นปีมีการเร่งส่งออก และกังวลว่าจะแผ่วลงในปลายปี แต่ทางล่าสุดการส่งออกยังขยายตัวได้ ไม่น่ากังวลเหมือนที่คิดไว้
ด้านการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมูลค่า 1.37 ล้านล้านบาท ถือว่าสูงมาก และเรื่องค่าเงินบาทที่เคยผันผวน ตอนนี้ก็เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
นายอาร์ชวัส กล่าวว่า ทั้งหมดอาจจะเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวหมดแล้ว แต่นโยบายที่รัฐบาลใหม่เข้ามาเรื่อง บิ๊ก ควิก วิน แสดงให้เห็นว่ามันเริ่มทำงาน ทำให้ศรษฐกิจไทยฟื้นกลับมาเจริญเติบโตต่อไปได้
“การออกมาตรการคนละครึ่งพลัส ให้เงินกับผู้ถือบัตรสวัสดิการ เป็นการใส่เงินให้กว่า 30 ล้านคน มีส่วนอย่างมากที่ทำให้จีดีพีของไทยทั้งปีขยายตัวได้ 2.4% โดยไตรมาส 4 ปีนี้จะกลับมาขยายตัวได้ถึง 1.8% นอกจากนี้รัฐบาลยีงมีโครงการเที่ยวดีมีคืน เพราะกังวลว่าการท่องเที่ยวจะแย่ลง จึงออกมาตรการนี้มาทำมาให้คนไทยเที่ยวมากขึ้น” นายอาร์ชวัส กล่าว
นายอาร์ชวัส กล่าวว่า รัฐบาลยังมีมาตรการแก้หนี้คนที่ไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งจะช่วยลูกหนี้ได้ 4.3 ล้านคน กลับเข้ามาอยู่ในระบบดีขึ้น ก็จะช่วยทำให้จีดีพีโตได้มากขึ้นไปอีก
สำหรับกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษญกิจไทย รัฐบาลก็กำลังจะมีนโยบายช่วยเหลือช่วยสภาพคล่องเอสเอ็มอีได้อย่างน้อย 3 ล้านราย




